วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อวสาน..โชว์ห่วย




                     ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่า อีกไม่นานบรรดาร้านโชห่วยหรือร้านขายของชำในเมืองไทย จำใจต้องปิดฉากรูดม่านแน่นอน  เนื่องจากโดนอิทธิพลการค้าจากไฮเปอร์มาร์ทชั้นนำทั้งหลาย ที่บุกเข้ามาทำการค้าในเมืองไทยและส่วนใหญ่เจ้าของก็จะเป็นชาวต่างชาติ อังกฤษบ้าง ฝรั่งเศษบ้าง ช่วยกันทำช่วยกันค้า
              ในที่สุดลูกค้าคนไทยก็สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคได้เบ็ดเสร็จ คนรุ่นใหม่ไม่มีใครเดินเข้าตลาดเพื่อซื้อของอีกต่อไป ทุกเสียงตะโกนว่าตลาดมีแต่สิ่งสกปรกไม่ได้มาตรฐาน การจัดแผงขายก็ไม่เป็นระเบียบ แถมราคาก็ยังแพง ว่าแล้ว 9 ใน 10 ก็จูงแขนเดินเข้าจับจ่ายซื้อของใไฮเปอร์มาร์ทเป็นทิวแถว
             เหลือก็แต่รุ่นคุณแม่ คุณป้า คุณยาย เท่านั้นที่ยังไปตลาดเนื่องจากเคยชินตั้งแต่ครั้งก่อนเก่า
              จะไปโทษบรรดาไฮเปอร์มาร์ทของต่างชาติก็ไม่ได้ ก็เมืองไทยดันไปเปิดเสรีทางการค้า ในขณะที่ความพร้อมยังสู้คนอื่นไม่ได้ พอเปิดประตูปุ๊ปโดนกลยุทธทางการค้าแค่ไม่กี่หมัด ก็มึนกันทั่วไทย
              การทำสงครามทางการค้า ก็เหมือนกับการทำสงครามจริงๆนั่นแหละครับ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้นิดหน่อย แต่เป้าหมายก็เหมือนกัน ต้องคว้าชัย ปักธ งในแดนข้าศึกให้ได้ จึงจะถือว่าชนะศึก
           ถ้าคุณเป็นคนต่างชาติ มองดูเมืองไทยเห็นภาพระบบการค้าของไทยยังไร้ระเบียบวินัย ไม่มีการจัดการให้เป็นระบบ ร้านของชำกี่ปีกี่ชาติก็ยังเหมือนเดิน สินค้าวางระเกะระกะ ลูกค้าเดินเข้าร้านแต่ละทีต้องเดินจนหัวยุ่งกว่าจะเจอของ ป้ายแสดงราคาก็ไม่มี
             อยากรู้ราคาก็ต้องตะโกนถามอาเฮียว่าว่าเท่าไหร่ อาเฮียก็แสนจะเก่งกาจสินค้าทั้งร้านมีอยู่พันกว่าอย่าง แต่ละอย่างยังซอยออกเป็นหลายขนาด แต่อาเฮียอีจำได้หมด แถมบอกราคาลดได้เสร็จสรรพ ประหนึ่งคอมพิวเตอร์ยังเรียกพี่
            เห็นอย่างนี้ฝรั่งต่างชาติมองไปเอามือเช็ดน้ำลายตามไปด้วย หยิบเครื่องคิดืเลขออกมาบวกลบคุณหาร ว่าแล้วก็ย้ายเงินลงทุนเข้ามาเมืองไทย ลุยกิจการไฮเปอร์มาร์ท
             ต่อจากนั้นคัดเลือกสถานที่เน้นความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นหลัก ที่จอดรถรับได้ไม่อั้น ข้างในโอ่โถง แอร์เย็นเฉียบ สิ่งอำนวยครามสะดวกครบครัน แล้วก็มาถึงไพ่ตายใบสุดท้ายคือลดกระหน่ำราคา ชนิดกระชากใจจนไร้ข้อปฏิเสธ วันหลังกุนซือจะมาเขียนรับใช้อีกทีสำหรับวิธีที่ไฮเปอร์มาร์ทใช้เพื่อให้สามารถลดราคาสินค้าจนถูกเหลือเชื่อ
            วกเข้าามาต่อครับหลักมีอยู่ง่ายๆคือสินค้าวางขายอยู่ในไฮเปอร์มาร์ทหลายหมื่นชนิด เค้าจับเอาสินค้าที่คนนิยมซื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าสะดวกซื้อทั้งหลาย ยาสีฟัน น้ำปลา ซีอิ๊ว ผงซักฟอกฯลฯ ออกมาจัดรายการดัมพ์ราคาจนถูกเหลือเชื่อ
            ผู้คนก็แห่จะมาซื้อของถูกกันเป็นทิวแถว  เข็นล้อเข็นเค้าตั้งใจจะซื้อน้ำปลาซัก 5 ขวดเพราะถูกเหลือเกิน แต่ไหงเวลาเข็นล้อออกไปที่ช่องเก็บเงิน ดันมีของวางอยู่เต็มล้อ อย่างนี้เค้าเรียกว่าธรรมชาติของมนุษย์ครับ
            ผมเองเคยเจอกับตัวเองเหมือนกัน  ครั้งหนึ่งตั้งใจจะไปทำข่าวเกี่ยวกับบรราดไฮเปอร์มาร์ททั้งหลายนี่แหละ เดินดูโน่น ดูนี่ เผลอแป๊ปเดียว มือไปลากล้อเข็นจากไหนมาก็ไม่รู้ เข็นไปเข็นมาแทนที่จะทำข่าว
            ดันทำอีกอย่างคือหยิบของใส่ล้อเข็นแทน หยิบโน่น หยิบนี่  แหม.อะไรก็น่าซื้อ     โอโฮ....ถูกเหลือเกิน  ว้าว.....ถูกเหลือเชื่อ  หยิบไปหยิบมาทำข่าววันนั้นกระเป๋าบางไปหลายร้อย
             จ่ายเงินเสร็จอยากจะตีมือเจ้ากรรมเหลือเกิน   ดันหยิบโน่นหยิบนี่ ทำเอาเสียทรัพย์ ฮึ่ม.....รู้ทั้งรู้  ยังมาดันเสียรู้เค้าอีก
                                                                                                            กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น