วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แอ่วท่าขี้เหล็ก 22/1/2550



                สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสะพายเป้ กระโดดขึ้นรถไปแอ่วเชียงราย  เมืองพ่อขุน ซึ่งปีนี้ปรากฏว่าได้รับอานิสงส์จากงานพืชสวนโลกที่เชียงใหม่ ทำให้ทัวร์ทั้งหลายทั้งปวง เมื่อขึ้นมาเชียงใหม่แล้วถือโอกาสไถลไปเชียงรายต่อ
                พูดถึงเชียงรายเป้าหมายหลักของผมคือแม่สายเมืองชายแดน ที่เศรษฐกิจอู้ฟู่เหลือหลาย  ว่ากันว่าเม็ดเงินที่สะพัดอยู่ที่อำเภอแม่สายนี้ โตกว่าอำเภอเมืองเชียงรายถึง 3 เท่า ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธด้วยเหตุที่แม่สายเป็นเมืองหน้าด่าน การค้าชายแดนทำให้เงินที่นี่ไหลเวียนมากกว่าที่อื่น
                หลายปีที่ผ่านมา เวลาไปทำข่าวที่แม่สาย ผมมักจะทำข่าวอยู่บริเวณชายแดนไทยแถบแม่สาย  ไม่ข้ามไปทำข่าวด้านท่าขี้เหล็กมากนัก เพราะมัวแต่นึกว่าฝั่งโน้นกับฝั่งนี้ก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก
                พอคราวนี้ข้ามไปฝั่งพม่า เห็นแล้วอยากเอาหนังสือกบในกะลามาวางครอบหัว
                สนนราคาค่าทำวีซ่าชั่วคราวจากฝั่งไทยไปพม่าเพียงแค่ 30 บาท พอข้ามสะพานไทย-พม่า พี่หม่องก็ขออีกคนละ 10 บาทเป็นค่าอะไรซักอย่าง เพราะเขียนเป็นตัวหนังสือพม่า ยากแก่การอธิบาย ให้กับคนไทยด้วยกันได้รับรู้  สรุปว่าจ่ายไปเถอะ อย่าเรื่องมากเป็นพอ
                แม่สายกับท่าขี้เหล็ก ถึงแม้จะมีแค่สะพานเล็กๆกั้นไว้  แต่ความเป็นจริง 2 ฝั่งนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในความรู้สึกของบรรดาช๊อปแชมป์ทั้งหลาย
                เพราะสินค้าที่วางขายของท่าขี้เหล็กจะมีความโดดเด่นที่ฝั่งแม่สายไม่มีคือ  สินค้าก๊อปปี้ที่เดินทางมาจากเมืองจีน มาวางแผ่หราชวนให้บรรดาขาช๊อปปิ้งทั้งหลาย หัวใจเต้นระรัว
                เนื่องจากเดี๋ยวนี้ฝีไม้ ลายมือการปลอมแปลงสินค้าของเมืองจีน อาจจะถึงขั้นเหยียบผืนทราย ไม่ทิ้งรอยเท้าให้เห็น แต่ถ้าเป็นขาโจ๋เมืองไทยอาจจะอุทานเสียงดัง ฟังชัดว่า
โห...เหมือนโครต  โครต
                โดยเฉพาะของแบรนด์เนม ทั้งหลายไม่ว่า หลุยส์  วิดตอง ,ปราดา, กุชชี่ฯลฯ ถ้าเจ้าของเดินทางมาเที่ยวท่าขี้เหล็ก อาจจะกระอักโลหิต ตีหัวชกอกตัวเอง  ตะโกนฟ้องสังคมว่า กระเป๋าหลุยส์ตูขายใบละ 3 หมื่น แต่น้องฝาแฝดที่ท่าขี้เหล็กเหลือใบละ 800
                เหตุผลนี่เองที่ทำให้แถวนักช๊อปไทยยาวเหยียดบริเวณสะพานข้ามไทย-พม่า  แต่ละคนมุ่งมั่นจะเสาะหาของดี ราคาถูกมาไว้ในครอบครอง
                ท่าขี้เหล็กตอนนี้เลยจำแลงเปลงร่างเป็นซอยละลายทรัพย์ของคนไทยโดยถ้วนหน้า
                ผมเองเนื่องจากอุปนิสัย ไม่ค่อยพิสมัยการช๊อปปิ้ง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องทรัพย์  ซินโดรม เลยต้องพยายามใช้วิธี ขี่ม้าเลียบเมือง มองตรงโน้นที  มองตรงนี้บ้าง พยายามให้สายตาทำมุมมองในระยะผาดๆอย่าเพ่งเล็งของชิ้นใดเป็นพิเศษ  ไม่เช่นนั้นตัวกิเลส จะวิ่งเข้าสิง จนเป็นเหตุให้เสียทรัพย์ในบั้นปลาย
                กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ มีมือมาสะกิดที่เอว หันมาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ต้องบอกว่าเป็นชาติไหน นอกจากพม่า เพราะผิวคล้ำแถมกินหมาก  พูดภาษาไทยแบบกระท่อนกระแท่น จับใจความได้ว่า
                เพ่ๆ  เอารูปโป๊หน่อยมั้ย....สวยมาก  สวยมาก 
                ผมรีบเบือนหน้าหน้า  แต่นึกสงสัยในใจว่าหน้าตาผม มันออกแนวหื่นกามตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมมันถึงเดินมาเจาะจงขายให้กับผม  ทั้งๆที่มีผู้คนดินกันอย่างพลุกพล่าน
                ความพยายามยังไม่หยุด  มันยังรุกขายของต่อ  คราวนี้ส่งแคมเปญพุ่งตรงเข้ากลางจิตใจทันที
                เพ่ๆ  เอาไวอากร้ามั้ย  ดีนะ...เอาไว้ยุ่งกับสาวๆ
                โห....งานนี้หันไปมองหน้ามัน แสดงออกให้รู้ว่า
มี....เคือง
                พูดจาหาว่าหื่นกามยังพอคบ       แต่ประนามว่าไร้น้ำยาเนี่ย  คบไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
                                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น