วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การเมือง 3 นาที








คือว่า...กรูรำคาญอ่ะนะ ขอระบายยาวๆนิดนึง ใครไม่ชอบก้อช่วยกดสไลด์ผ่านไปละกัน
คือเห็นพูดกันจังว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเนี่ย กรูไหว้ละ เมิงช่วยดูภาพรวมนิดนึงได้ป๊ะ!
การเลือกตั้งมันคือพิธีกรรมส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง สมมุตินะ..สมมุติว่าประเทศไทยเนี่ย มันคือบริษัท บริษัทหนึ่ง ทีนี้ไอ้พวกเราตาดำๆเนี่ย ก็ถือหุ้นคนละ 1 หุ้น แต่ละปีพวกเราเนี่ยก้อต้องเสียค่าธรรมเนียม เพื่อหล่อเลี้ยงบริษัทให้ก้าวหน้า 
ทีนี้คนถือหุ้นมันเยอะ ใช่ป๊ะ เราก้อเลยบอกว่า...เฮ้ย! เราต้องรับสมัครซีอีโอ มาบริหารบริษัท เพราะงานมันเยอะ เงินทองก้อมหาศาล มันก้อมีไอ้โน่น อีนี่ มาสมัครมากมาย
ทีเสือกมีผู้หญิงคนหนึ่งมาสมัคร คนส่วนหนึ่งก้อบอก เฮ้ย...มาสมัครจริงหรา  พวกกรูดูประวัติแล้ว เมิงไม่เคยผ่านงานมาเลยนะจ๊ะ งบประมาณก้อดูไม่เป็น กฎระเบียบอะไรก้อไม่รู้ซักอย่าง ผลงานกรูก้อไม่เคยเห็น แต่...แม่มม คนส่วนใหญ่ก้อเลือกเจ๊เค้ามาเป็นซีอีโอ 
เพราะว่า เมิงไม่เก่งกรูไม่สน กรูชอบพี่ชายเมิงงงง...
โอเค้...คนส่วนใหญ่เลือกแล้วนิ ก้อต้องว่ากันไป
แต่..เฮ้ย!พวกหุ้นส่วนทั้งหลาย พวกเราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะ เราเลือกเค้าเป็นซีอีโอให้มาบริหารบริษัทเนี่ย ไม่ใช่ว่าพอเลือกตั้งเสร็จ เราก้อไม่ต้องสนใจอีก ไอ้อีทั้งหลายที่ได้รับเลือก จะทำหงส์ ทำห่าน อะไรก้อได้ พวกเมิงเป็นลูกน้องพวกกรูนะ กรูเอาเงินบริษัทจ้างเมืองทำงานเป็นซีอีโอเฉยๆ ถ้ากรูจับได้ว่าเมิงยักยอกเงินบริษัท เอาพี่น้องมาหาประโยชน์กับบริษัท เมิงเล่นแร่แปรธาตุจนบริษัทขาดทุนยับ กรูไล่เมิงออก พร้อมแจ้งตำรวจจับนะ
แล้วเวลาเมิงทำอะไรผิด เมิงจะมาบอกว่า หนูไม่ผิดเพราะคนส่วนใหญ่เลือกหนูมาหนูจะเป็นซีอีโอต่อ บลาๆๆ..
กรูว่าเมิงเข้าใจไรผิดป๊ะ!
กรูมองหนูมาตั้งแต่ปีแรกแระ กรูว่าหนูสับสนตัวเองนะ ปีก่อนโน้น ยุให้พวกกรูซื้อรถคันแรก แล้วเอาเงินบริษัทจ่ายคืนคนละแสน พวกกรูก้อแห่กันไปซื้อล้านกว่าคัน บริษัทชิบหายไปแสนกว่าล้าน ได้นโยบาย”รถติดทุกทางด่วน” หัวเราะอิ่มจนพุงกางคือค่ายรถเมืองยุ่นหอบเงินกลับประเทศกันเป็นถุงเป็นถัง
เสร็จสรรพปีต่อมา เมิงขอให้บริษัทไปกู้เงินสองล้าน 
โห..สองล้านล้านเนี่ย ถ้ากรูเดินเข้าแบงก์เบิกเงินออกมาวันละล้าน รู้ป่าว...กรูต้องเดินไปแบงก์ทุกวันไม่มีหยุด...ห้าปีสี่เดือนเลยนะเฟ้ย
แล้วทำเสียงหวานบอกว่าจะเอาเงินมาสร้างรถไฟขนผัก อ้าว..ชิบหาย ปีที่แล้วยุพวกกรูซื้อรถ ปีนี้จะขอเงินสร้างระบบขนส่งมวลชน
อะไรของเมิงเนี่ยยยยย.....
แล้วอีเรื่องข้าวก้อเหมือนกัน จะจำนำๆๆๆ  ดันเสือกเอาเงินบริษัทไปซื้อข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาด แล้วลองเอานิ้วก้อยตีนด้านซ้ายคิดดูดิ จะมีใครมาไถ่ถอนจำนำ เพราะราคามันดีกว่าตลาด บริษัทชิบหายไปอีกหลายแสนล้าน
ถ้าเป็นเงินเมิง กรูไม่ว่าอ่ะนะ แต่...นี่มันเงินพวกกรูทั้งหลาย
แล้วสองปีกว่า เมืงซื้อข้าวมากองเกือบเท่าดอยอินทนนท์เนี่ย เมิงขายให้ใครได้ป่าว 
หุ้นส่วนทั้งหลายเขาก้อทำหน้าสงสัย ถามเมื่อไหร่ เมิงก้อไม่ยอมบอก บอกว่าขายจีทูจี ...จีทูจี เชี้ยไร บอกประเทศมาดิ เดี๋ยวพวกกรูไปสืบเองว่าขายให้จริงหรือเปล่า กรูเห็นแต่เอ็มโอยู มันใช่สัญญาซื้อขายแมะ...สุดท้ายก้อ..อมสาก ไบ้แดก
กรูถามจริงๆเถอะ นี่มันข้าวหรือว่ายาบ้า ทำไมมันต้องปกปิดลึกลับขนาดนั้น แต่กรูรู้นะ พวกเมิงขนข้าวมาเวียนเทียนแดกกันจนเจ๊ซาลาเปา อ้วกออกมาเป็นแบงก์พันแระ
ที่ใครบอกว่าพี่ชายเจ๊ จะเอาเงินคืนสี่หมื่นกว่าล้านนะ โถๆๆๆ..โครงการนี้โครงการเดียว มันก้อได้เงินคืนแถมกำไรบานเบอะ...
อย่าไง่ดิ!
ทีคนเค้าออกมาเดินถนนกันเป็นล้านๆคนนะ เขาก้อมองออกว่า ถ้าเลือกตั้ง แม่มมมม...ก้อเข้าอีหรอบเดิม กรูอยากเป็นซีอีโอ อยากหาแดกกับบริษัท กรูก้อลงทุนนิดนึง เงินกรูมีนิ....กรูจ่ายล่วงหน้าไปก่อน ให้ส.ส คนละ 20-30 ล้าน บวกลบคูณหารแล้ว จ่ายเงินมัดจำไม่กี่พันล้าน  เสร็จแล้วก้อเอาไปซื้อเสียงดิ แล้วกลับมายืดคอในสภาให้ได้ แต่พอได้เป็น ส.ส แล้วเมิงต้องฟังกรูคนเดียวนะ เพราะเงินกรูงัยที่จ่ายให้เมิงได้เข้ามา...จำได้ป๊ะ
กรูชี้ไปที่ควาย แล้วบอกว่า...มันคือนก  เมิงทั้งหลาย ก้อต้องตอบว่านก...โอเค้
แล้วบรรดาอีหุ้นส่วนบริษัททั้งหลาย ส่วนใหญ่ก้อมีมโนธรรม จริตธรรมกันอิ๋บอ๋าย เวลาเค้าจ่ายเงินซื้อเสียง พอแบมือรับตังค์ ก้อเดินไปกาให้ บอกว่า..”เกรงใจ รับเงินเค้ามาแล้วอ่ะ”
มันก้อเลยได้ใจงัย ซื้อความเป็นคน ซื้อสิทธิ์อของบรรดาหุ้นส่วนเนี่ย แม่มมม...จ่ายแค่พันห้า ก้อได้แระ แล้วกรูค่อยไปถอนทุนคืนทีหลัง งานนี้กรูจะเอาให้หนำใจเลยแระ
นี่งัยทำให้บริษัทเรา เมื่อสิบกว่าปีก่อน คนทั่วโลกบอกว่า จะกลายเป็นเสือตัวที่ห้าของเอเชีย ตอนนี้กลายเป็นแมวตัวที่เท่าไหร่แล้วก้อไม่รู้...
เราบรรดาหุ้นส่วนทั้งหลายลองมานั่งสุมหัวกันแก้ปัญหาดีมั้ย เรามาเขียนกฎบริษัทกันใหม่ให้เข้มงวด เอาผิดกับคนโกง คนคอรัปชั่นในบริษัทเรา ใครโกง ใครคอรัปชั่น ไม่มีหมดอายุความ แถมบทลงโทษทั้งจำคุก ทั้งยึดทรัพย์  บทลงโทษให้มันเทียบเท่าหรือมากกว่าคดียาบ้าไปเลย
โดยเฉพาะการซื้อเสียงเนี่ย มันคือต้นตอของการคอรัปชั่น เอางี้ได้ป่าว...มือถือก้อมีกันทุกคน..ใช่ป๊ะ!
 ใครถ่ายคลิป มีหลักฐานว่าใครซื้อเสียง รับไปเลยยยยย....หนึ่งล้านบาท
จะเอาพันห้า หรือว่าจะเอาหนึ่งล้าน ถ้าคิดออก....เริ่มหัดถ่ายคลิปไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
แล้วเงินรางวัลเนี่ย ไม่ต้องควักเงินบริษัทนะ เอามาจากค่าปรับอีพวกซื้อเสียงเนี่ยแหละ มันจะได้เข็ดหลาบกันซักที
มิฉะนั้น ปัญหาของบริษัทมันก้อไม่ไปไหน มันก้อเป็นวังน้ำวนอย่างทีเห็น ยุบสภา ซื้อเสียง เลือกตั้ง กลับมาโกง คนไล่ ยุบสภา ซื้อเสียง....ฯลฯ
กลัดกระดุม ถ้าผิดตั้งแต่เม็ดแรก เม็ดต่อไปมันก้อผิดหมดแระ ว่าป่าววว...
นี่กรูเขียนนวนิยาย หรือว่าเขียนโพสเฟสบุ๊ค ว่ะเนี่ย ยาวเกินไปแระ ความจริงอยากเขียนในคอลัมน์นะ แต่ไม่อยากใช้ภาษาทางการ อยากใช้ประโยคคำพูดแบบเขียนในเฟสบุ๊ค เพราะมันสามารถเขียนและสื่อเหมือนพี่ๆน้องๆ มากกว่า 
อีกอย่าง ถ้าเขียนลงในคอลัมน์ เดี๋ยวพี่เสื้อแดง ยกพวกมาล้อมออฟฟิตกรูอีก กรูไม่อยากเหมือนโรงเรียนเรยีนา ขนาดมีแค่แม่ชีกับเด็ก ยังไม่รอดเลยนะคร๊าบบ เมิงงงง...
กรูยอมรับ....กรูกลัววววว
กรูกลัวจะเดินไปถามพวกพี่ๆเค้าว่า”เอ่อ...พี่ครับ พวกพี่มากันกี่คนครับ  อ๋อ..มาสองร้อยกว่าคนเหรอครับ รบกวนพวกพี่ๆช่วยส่งตัวแทนออกมาต่อยกับผม ตัวต่อตัว ได้มั้ยครับ ถ้าผมแพ้ ผมก้อหลับ ถ้าพี่แพ้  พี่ก้อกลับ โอเค..นะครับ”
แต่กรูกลัวว่าพวกพี่เค้าไม่เอาว่ะ เพราะกฎเหล็กพวกพี่เค้ายึดมั่นและแเขียนไว้ชัดเจนว่า...

“หมาหมู่...คือจุดยืน”

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ประเทศที่ี่มีความสุบมากที่สุดในโลก



        ผมเป็นคนชอบเรื่องการจัดอันดับครับ สำนักไหนจัดอันดับเรื่องราวต่างๆ ชอบเข้าไปดู เข้าไปเปรียบเทียบ เพราะสนุกและเอาเก็บเป็นข้อมูลในอนาคต เผื่อที่จะต้องตัดสินใจเรื่องไหน จะได้เอามาเปรียบเทียบชั่งใจได้
ล่าสุดรายงานสำรวจประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก World Happiness Report ซึ่งจัดทำโดยสถาบันโลกของมหาวิทยาลัย Columbia ร่วมกับเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ระบุว่าประเทศในแถบสแกนดิเนเวียเป็นประเทศที่ผู้คนมีความสุขที่สุด ส่วนประชาชนของประเทศในแถบอาฟริกาได้รับการจัดอันดับว่ามีความสุขน้อยที่สุด
  รายงาน World Happiness Report ปีนี้จัดทำขึ้นเป็นปีที่สองแล้ว ซึ่งผู้จัดทำรายงานได้สำรวจความเห็นของประชาชนในประเทศต่างๆทั่วโลก 156 ประเทศ โดยให้ผู้ตอบแบบสำรวจให้คะแนนความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ใช่แค่ความพอใจในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
  รายงานชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่า ขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจยังคงมีความสำคัญต่อความคิดเห็นของผู้คนที่มีต่อคำว่า “ความสุข” แต่ปัจจัยอื่นๆเช่น อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากร เสรีภาพในด้านต่างๆ และสวัสดิการทางสังคมอื่นๆ ก็มีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน รายงานยังบอกด้วยว่าความสุขในฐานะความเป็นมนุษย์ควรมีบทบาทมากขึ้นต่อการวัดดัชนีความสุขของแต่ละประเทศ


      คุณ Jeffrey Sachs แห่งสถาบันโลกของมหาวิทยาลัย Columbia ผู้ร่วมเขียนรายงานชิ้นนี้ชี้ว่า ขณะนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นทั่วโลกให้รัฐบาลประเทศต่างๆ จัดทำนโยบายที่ให้ความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น 
 ในขณะเดียวกัน รายงานชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าในช่วงระหว่างปี ค.ศ 2010-2012 ประชากรทั่วโลกมีความสุขมากขึ้นกว่าช่วงปี ค.ศ 2005-2011 
        โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแถบละตินอเมริกา กับประเทศแถบทางใต้ของทะเลทรายซะฮาร่า แต่ประเทศที่ประสบปัญหาการเงินและวิกฤติการเมือง เช่นประเทศในยุโรปตะวันตกกับอียิปต์ พบว่าประชาชนมีความสุขน้อยลง
   สำหรับประเทศที่อยู่ในอันดับ 1 ในรายชื่อประเทศที่มีความสุขที่สุดของ World Happiness Report ได้แก่ เมืองแห่งโคนม เดนมาร์ก 
รองลงมาคือนอร์เวย์ สวิสเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และแคนาดา ตามลำดับ
สังเกตุไหมครับว่า ประเทศที่ผู้คนมีความสุขส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบยุโรปตอนเหนือ และแคนาดา พูดกันง่ายๆว่า ประเทศไหนอยู่ใกล้ขั่วโลกเหนือ
         ผู้คนส่วนใหญ่จะมีความสุข 
เราลองมาดูบรรดาประเทศมหาอำนาจทั้งหลายกันหน่อยครับ 
        ประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐมีชื่ออยู่ในอันดับ 17 อังกฤษตามมาเป็นอันดับ 22 เยอรมนี อยู่ในอันดับ 26 ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 43 รัสเซียตามมาที่อันดับ 68 และจีนอยู่ในอันดับที่ 93
มาดูอันดับล่างกันบ้าง  อันดับล่างสุด 5 อันดับล้วนอยู่ในอาฟริกา ได้แก่ รวันดา บะรันดี สาธารณรัฐอาฟริกากลาง เบนิน และโตโกอยู่ในอันดับสุดท้าย 
แล้วพี่ไทย ดินแดนแห่งเมืองยิ้ม ที่ตอนนี้เหลือแค่เป็นตำนานนั้นอยู่อันดับที่เท่าไหร่กันครับ
ความสุขของคนไทย ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 37 รองจากไซปรัสและโคลอมเบีย 
แต่ขอโทษนะครับ ถึงแม้ว่า คนในชาติจะทะเลาะกันมานานหลายปี มีแต่ปัญหารุมเร้า ความสุขของพี่ไทยยังเหนือกว่าเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีนและกัมพูชา อีกต่างหาก
เรื่องนี้ ต่างชาติหลายคนอาจจะงงงวย ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ เพราะดูแล้ว คนไทยน่าจะมีความทุกข์มากกว่าความสุข เพราะการเมืองก็ทะเลาะกันไม่เลิก 
       คนในชาติก็แบ่งเป็นหลายฝ่ายด่าทอกันตลอด แถมปัญหาเศรษฐกิจก็เริ่มส่งพิษเนื่องจากโครงการประชานิยมทั้งหลาย ทำเอาสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลายพาเหรดขึ้นราคากันถ้วนหน้า
         ผู้คนเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพ แต่ไหงพอสำรวจออกมา.....ยังมีความสุขกันอีกต่างหาก
เรื่องนี้ ผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยเราครับ
         คนไทยนั้นตั้งแต่อุแว้ออกมา ก็ร่าเริงมาตั้งแต่เกิด สัญชาตญาณ"เฮไหน เฮนั่น "ฝังลึกอยู่ในสายเลือดของคนไทย  เอาง่ายๆคนไทยเราสามารถทำตัวเนียนแจมกับชาวโลกได้อย่างสม่ำเสมอ
        ตรุษจีน เราก็ใส่กี่เผ้าร่วมฉลองกับเขา คริสต์มาสเราก็ จิงเกลเบล กันทั่วเมืองนี่ 
        วันฮาโลวีนปล่อยผี เราก็แต่งผีออกมาเนียมกับเค้า ยังไม่รวมเทศกาลของไทย ที่ทยอยมาให้ฉลองให้เที่ยวกันอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าสนุกกันทั้งปีแบบนันสต๊อป
ผมเห็นอย่างเดียวที่พี่ไทยถอย ไม่ค่อยไปยุ่งเกี่ยวกับเค้า ก็คือ.....
        "เทศกาลถือศีลอด" ของคนมุสลิม!
กุนซือ

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิค วูจิซิส





นิค วูจิซิส

         หลายปีก่อนมีคนส่งคลิปหนึ่งมาให้ผม พร้อมสำทับว่า"ต้องดูให้ได้" เปิดดูความยาวไม่กี่นาที แต่ทำเอาอึ้งจนบอกไม่ถูก
        ภาพหนุ่มคนหนึ่งที่พิการแขนขา แต่มาพูดให้เด็กๆฟังถึงแรงบันดาลใจ และโลกทั้งใบไม่ได้เลวร้าย ทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกอาการที่แสดงออก ทำให้คนที่มือไม้ครบ 32 อย่างคนทั่วไป ถึงกับต้องก้มหน้าบอกตัวเองชีวิตที่เราบ่น เราท้อ เราโมโหกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ความจริงมันก็แค่เศษเสี้ยว ถ้า...เรามองโลกในแง่บวก ผู้ชายคนนั้นชื่อ
นิค วูจิซิส
นิค วูจิซิส หนุ่มออสเตรเลียที่เกิดมาพร้อมกับโรค tetra-amelia syndrome ซึ่งทำให้เขาเองไม่มีแขนและขา และต้องต่อสู้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่นิคก็ต่อสู้กับชีวิต จนกลายมาเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียง คอยให้กำลังใจกับผู้คนทั่วโลก
ในวัยเด็ก นิค เองมีชีวิตที่ลำบาก เขาเกิดมาโดยที่ไม่มีแขนขา และต้องต่อสู้กับคำสบประมาททั้งหลายรวมทั้งการกลั่นแกล้งจากเพื่อน ๆ จนทำให้เขาเองเกือบที่จะฆ่าตัวตายในวัยเพียง 8 ขวบ แต่สุดท้าย เมื่อแม่ของนิค เอาหนังสือพิมพ์ที่มีบทความของชายคนหนึ่ง ที่ต่อสู้กับความพิการของร่างกาย นิค ก็เกิดแรงบันดาลใจในการมีชีวิตต่อไป
เขาเริ่มต้นฝึกฝนทักษะต่าง ๆ มากมาย จนเป็นที่ยอมรับของเพื่อน ๆ และเขาสามารถเรียนจบในด้านบัญชีและวางแผนการเงิน จากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ (Griffith University) ตอนอายุ 21 ปี
         จากนั้น เขาก็ได้รับเชิญให้ไปพูดบรรยายให้กำลังใจกับผู้คนทั่วโลก จนนิคเอง ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนนับล้าน ต่อสู้กับชีวิตอันแสนโหดร้าย เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาเองแม้จะพิการไม่มีแขนขา แต่เขาก็มีความสามารถทุกสิ่งทุกอย่าง เฉกเช่นที่คนปกติทั่วไปทำ
ผมชอบประโยคหนึ่งของนิคที่บอกว่า"เขาไม่ได้มองว่าร่างกายเป็นความบกพร่อง แต่นึกเสมอว่า มันเป็นความท้าทายที่พระเจ้ามอบให้ "
สั้นๆแต่ได้ใจความ
ถ้าคุณพิการมาตั้งแต่กำเนิด ประโยคนี้กลั่นออกมาได้ แสดงว่ากำลังใจของคุณเหลือล้น

"เหน่ง"ธรรมศักดิ์ สุเมตติกุล เพื่อนซี้สมัยมหา'ลัย กริ๊งกร๊างมาหาผมบอกเล่าเก้าสิบว่า เป็นโต้โผ ที่จะจัดงานโดยนำนิค วูจิซิส มาเจอกับคนเชียงใหม่
เป็นมหกรรมรวมแรงบันดาลใจให้กับคนเหนือทุกคน โดยใช้ชื่องานว่า"เทศกาล ชีวิตบริบูรณ์"
"เหน่ง" เล่าให้ฟังว่า มีหลายเรื่องที่ต้องทำหน้าแมวสงสัย เวลาได้ยินเรื่องราวของนิค วูจิซิส
เชื่อมั้ยครับว่าในตู้เสื้อผ้าของนิค ยังเก็บรองเท้าอยู่คู่หนึ่ง ถึงแม้ว่านิค จะไม่มีแขนขา มาตั้งแต่เกิด แต่เขายังเก็บรองเท้าเอาไว้ เพราะ...อาจจะมีซักวันในอนาคตที่เขาจะได้สวมใส่
      ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่ากำลังใจเกินร้อยแค่ไหน
วันนี้เลยขอหยิบยื่นโอกาสดีๆ ที่คุณจะต้องอึ้งมาให้คนเชียงใหม่ ถ้าอยากได้ประสพการณ์ที่คุณอาจจะไม่ลืมเลือน และประทับใจไปอีกนาน
นิค วูจิซิส จะมาเชียงใหม่
2 กันยายน ตั้งแต่ สี่โมงถึงสามทุ่มครึ่ง ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่
ราคาบัตร 299 จ่ายสามร้อยทอนหนึ่งบาท ใครอยากซื้อบัตรกดมือถือไปได้ที่เบอร์ 053-894277 หรือ 0891919611
ผมเองรู้จักนิค วูจิซิส ทางคลิปมาโดยตลอด งานนี้เป็นโอกาสดี ที่จะได้เจอ"ตัวจริง เสียงจริง"และที่แน่ๆ ต้องได้"กอดจริง"
ความฝ้นของผู้คนสร้างได้ครับ แต่บางครั้งจะสานฝันให้สำเร็จอาจจะต้องใช้ แรงบันดาลใจ มาเป็นตัวขับเคลื่อน
วันนี้มีคนหยิบแรงบันดาลมาให้ถึงถิ่น....
พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงครับ
กุนซือ