วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การเมืองแอ๊บแบ๊ว 26/11/2550



มีคำคมหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า คนที่จะเปลี่ยนสีดำเป็นสีขาวได้นั้นมีอยู่ 2 คน  คนหนึ่งคือช่างทาสี  ส่วนอีกคนคือทนายความ แต่ถ้าใครมาสัมผัสเมืองไทยอาจจะต้องเติมนักการเมืองไทย เข้าไปอีกหนึ่งประเภท
                ถ้าคุณชอบการเมือง  ติดตามข่าวสาร ข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองไทยโดยตลอด  คุณอาจจะกลายเป็นคนจิตสับสนและท้องว่าง  เพราะนักการเมืองไทยนั้นถือว่าพลิ้วได้อย่างเต็มรูปแบบ  ลีลาพญาเซียน สามารถพูดโกหกได้หน้าตาเฉย   ทั้งๆที่พูดหรือเพิ่งทำไปหยกๆ  แต่สามารถบอกผู้คนว่าไม่รู้  ไม่เห็น ไม่เป็น  ไม่อยู่
                ใครเจอสภาพนี้บ่อยๆเข้า ก็จะเกิดอาการ จิตสับสน ตกลงว่าเขาหรือฉันที่อัลไซเมอร์
                ส่วนอาการท้องว่างนั้นเป็นอาการข้างเคียง ที่เกิดขึ้นภายหลัง จิตสับสน เนื่องจากเจอสภาพนี้บ่อยๆ ร่างกายเริ่มรับประโยคคำพูดแอ๊บแบ๊วไม่ค่อยได้ ก็จะเกิดอาการต่อต้าน จนถึงขั้นอ้วกขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
                ได้ยินเสียงจำนรรจา เมื่อไหร่ อยากอ้วกเมื่อนั้น
                ช่วงนี้ผมเกิดอาการอยากอ้วก บ่อย  ถึง บ่อยมาก  ไม่รู้เป็นอย่างไร  พอดูข่าวทีวี เห็นหน้าคนสัมภาษณ์ ได้ยินประโยคที่บอกนักข่าว อยากวิ่งเข้าห้องน้ำอยู่ร่ำไป
                เต็งหนึ่งช่วงนี้ ก็ต้องคุณอารีย์  วงศ์อารยะ  ยิ่งวานก่อนเห็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านยกโขยง มาให้กำลังใจ  ท้องใส้ก็เริ่มจะปั่นป่วน  แหม.... มากันไว้  ไว  นะครับ แต่โทษทีครับส่วนใหญ่ที่เขายกพรรค ยกพวก มาให้กำลังใจเนี่ย   เหตุการณ์ที่มา  ที่ไปน่าจะเป็นแบบข้าราชการ หรือนักการเมืองนั้นๆ จะถูกกลั่นแกล้ง แต่กรณีนี้ คุณอารีย์ ไม่อยู่ในข่าย นะครับ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ที่ไม่ยอมเคลียร์ ทรัพย์สินของตัวเองให้ถูกครรลอง คลองธรรม
                แถม  มีตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยศึกษา สมัยทักษิณ โน่นแนะ  เรียกว่า ผิดมาตั้งแต่ปางก่อน
                เรื่องนี้ก็ต้องว่ากันไป  แต่สุดท้าย หมอดู หมอเดา ไม่ต้องพึ่งหมอลักษณ์ ต่างก็ฟันธง  งานนี้บังหลี ไม่รอด
                มาถึงเต็งสอง  แต่ในความเป็นจริงเป็นเต็งหนึ่งในใจผม ตลอดมา  ดร.เฉลิม  อยู่บำรุง หลังจากหายหน้า หายตา ไปนาน สุดท้ายกลิ่นการเมืองมันก็หอมหวน ต้องรีเทิร์น เชน คัมแบ๊กอีกหน  เริ่มออกงานถี่ขึ้น ให้สัมภาษณ์บ่อยขึ้น
                ผมดูข่าวคุณเฉลิม เพื่อต้องการหาความเปลี่ยนแปลงว่าจะมีหรือเปล่า จากยุค เหลิม   ดาวเทียม  เพราะคุณเฉลิมเป็นดาวสภาที่รู้จักกันดีของคอการเมืองไทย  พูดเมื่อไหร่ มีคนรอฟังเป็นกระตั๊ก  หลังจากเปิดตัวมาได้ระยะหนึ่ง  และแล้วในที่สุดคุณเฉลิมก็กลับเข้ามาในดวงใจผมอีกครั้ง 
                เมื่อคุณเฉลิมให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไป อังกฤษ  เพื่อดูฟุตบอลคู่แมนฯซิตี้  คุณเฉลิมบอกว่าการเดินทางไปอังกฤษครั้งนี้ ไม่ได้ไปหาคุณทักษิณ  อยากไปดูบอลเฉยๆ  เงินก็ออกเอง  ไม่ได้หอบข้อตกลงเรื่องการเมืองไปให้คุณทักษิณ พิจารณา
                แหม.......เชื่อกันทั้งประเทศเลยคร๊าบบบบบบ
                พอฟุตบอลเริ่มโม่แข้ง ภาพที่ออกมาจอทีวี เห็นคุณเฉลิมนั่งกระหนุงกระหนิงกับคุณทักษิณ ก็เลยเกิดรายการฟ้องด้วยภาพ
                พอกลับมา ก็พูดเสียงดัง  ฟังชัดว่า ไม่มีอะไร เป็นการพูดคุยในฐานะคนรู้จัก  ไม่มีนัยยะทางการเมือง
                พูดจริงๆในฐานะแฟนพันธ์แท้ ถ้าคุณเฉลิม จะบินไปเพื่อพบกับคุณทักษิณ เพื่อปรึกษาหารือ อนาคตทางการเมืองของตัวเอง และ ลูกสุดที่รัก  ก็ไปเถอะครับ ประชาชี เขาเข้าใจ  เป็นนักการเมือง ก็ต้องเดินแผนการเมืองเพื่ออนาคตทางการเมืองของตัวเอง
                ยิ่งต้องไปยื่นข้อเสนอหลักว่า ถ้าจะให้ตัวเองเป็นขุนพลนำทัพ ในเมืองหลวง  ขอเงื่อนไขให้ลูกรัก ใส่สีเสื้อ ลงสมัครเป็น ส.ส. ด้วย  ทำให้ข้อเสนอนี้ เกิดอาการติดๆขัดๆ เดินหน้าไปลื่นไหล 
                สภากาแฟ ก็วิเคราะห์ กันอย่างถึงพริก ถึงขิง  ก่อนสรุปออกมาว่า ถ้าคุณเฉลิมจะดันลูกชาย ลงสมัครจริง ก็ต้องให้คุณเฉลิม เร่งติวเข้มลูกชายของตัวเองเป็นการด่วน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องจำให้ได้ว่าพ่อฉัน  นั้นชือเฉลิม  อยู่บำรุง
                ไม่งั้น อาจจจะต้องตะโกนถามคนอื่นอยู่ร่ำไปว่า รู้มั้ย  พ่อกูเป็นใคร ?
                วันไหว้ พระจันทร์ที่ผ่านมา ก็ได้แต่สวดมนต์ขอพรกับพระจันทร์ว่า  ช่วงนี้ ขออย่าให้คุณอารีย์  กับ คุณเฉลิม  ออกข่าวทีวีบ่อยๆเลย 
                เพราะอ้วกบ่อย จนกระเพาะจะเป็นแผลอยู่แล้วนะครับ  ...แฮ่ม
                                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น