วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แตกต่างเพราะ..วิธีคิด


มีคนเคยตั้งปุจฉาถามผมว่า คนเราตากต่างกันตรงไหน แหม..คำถามนี้ คำตอบกว้างไกลมาก เพราะสาเหตุที่ทำให้คนเราแตกต่างกันนั้น นั่งบรรยายกัน 3 วันอาจจะไม่หมด แต่ถ้าถามใหม่ว่า สาเหตุไหนที่คิดว่าทำให้คนเราแตกต่างกันมากที่สุด
                ผมตอบง่ายๆว่าวิธีคิดครับ  วิธีคิดของคนนั้น สามารถสร้างความแตกต่างให้คนรอบข้างได้เห็นง่ายที่สุด  เมื่อเวลาคิดและพูดออกมา อย่างหนึ่งที่กระเด็นหลุดออกจากปากมาคือ สภาพของตัวตนที่แท้จริง
                หลายคนอาจจะเห็นเป็นอย่างอื่น แฮ่ม....เรื่องนี้บอกแล้วไงครับว่า คนเราคิดต่างกัน
                ถ้ายังไม่เชื่อ ลองมาฟังเรื่องโจ๊กๆของฝรั่งแบบเจ็บๆคันๆ
                เล่ากันว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเมื่อองค์การนาซ่าได้เริ่มปล่อยจรวดเพื่อการสำรวจอวกาศ พอยิงยานออกไปนอกโลกตูม  เจอปัญหาใหญ่ทันที เพราะพวกเขาพบว่าปากกาไม่สามารถเขียนได้ที่แรงโน้มถ่วงของโลกซึ่งเท่ากับ 0 ทำให้น้ำหมึกไม่สามารถไหลออกมาที่กระดาษที่ต้องการเขียนได้
            เอาละซิครับ  งานนี้ยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ เพรานักบินอวกาศจะบันทึกปูมการบิน หรือผลงานวิจัยต่างๆหรือว่ากิจวัตรประจำวันได้อย่างไร
              งานนี้ต้องรีบเร่งแก้ไขด่วน ระดมคนมีกิ๋นทั้งหลายมานั่งรวมกันเพื่อการแก้ปัญหานี้ โดยเฉพาะได้ใช้เวลาราว 10 ปีทายซิครับงานนี้ใช้เงินไปเท่าไหร่  บวกลบคูณหารเสียไปทั้งหมด 12 ล้านดอลล่าห์
ในที่สุดไม่เหลือความพยายาม บรรดาสุดยอดไอคิวทั้งหลายก็ได้สร้างปากกาที่สามารถใช้งานได้ที่แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์ เขียนแบบคว่ำ หรือเขียนที่ใต้น้ำได้ สามารถเขียนได้ไม่ว่าสภาพผิวเป็นเช่นไร รวมทั้ง ผิว Crystal และที่อุณหภูมิช่วงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง จนถึงที่มากกว่า 300 องศาเซลเซียลได้
หลายคนซูฮกนิ้วให้ว่า นาย....แน่มาก
             หันไปอีกค่ายหนึ่งที่เป็นคู่แข่ง ตอนนั้นคือรัสเซีย ซึ่งแข่งขันกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะรัสเซียก็อยากจเป็นผู้นำทางด้านอวกาศ ของโลกเช่นกัน
          ยกปัญหาแบบเดียวกันไปถามทางรัสเซีย หมีขาวอมยิ้มตอบกลับมาว่าตูใช้ ดินสอ
          มาถึงเรื่องที่สอง ว่ากันว่า หนึ่งในเรื่องที่นิยมใช้ในการสอนที่ประเทศญี่ปุ่นได้แก่ เรื่องของการเกิดปัญหาที่ว่าสบู่ที่ลูกค้าซื้อไม่มีสบู่มาด้วย คือได้แต่กล่องเปล่าๆมา เพราะปัญหาจากการผลิต
           เรื่องนี้มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเครื่องสำอางของญี่ปุ่นได้รับการร้องเรียนจากทางลูกค้าถึงปัญหาดังกล่าว ทางด้านวิศวกรที่รับผิดชอบ ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray
          เพื่อการตรวจดูว่าภายในของกล่องสบู่ มีสบู่หรือไม่
           ยังไม่พอเพื่อการนี้จะได้เพอร์เฟ็คไม่มีข้อผอดพลาดก็ให้พนักงานอีก  2 คนคอยเฝ้าที่จอเพื่อดูให้แน่ใจได้ว่าไม่มีการหลุดของกล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่ไป แน่นอนว่าคน 2 คนที่ดูจอมอนิเตอร์คงไม่สนุกในการทำงานนี้เท่าไหร่  เดาว่าวันๆคงจะปวดลูกตาน่าดู นั่งเพ่งว่าสบู่อยู่ในกล่องทุกกล่อง ไม่มีผิดพลาดในลูกค้าได้มาบ่นอีกภายหลัง อันจะทำให้บริษัทเสียเครดิต
           ด้วยปัญหาเดียวกัน พนักงานหน้างานที่บริษัทเล็กแห่งหนึ่ง ไม่ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray แต่สิ่งที่เขาทำได้แก่ การไปซื้อพัดลมทีใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำมาเป่าที่รางสายพานขณะที่กล่อง สบู่วิ่งผ่าน
         กล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่เมื่อถูกลมก็จะปลิวออกนอกสายพานลำเลียงเอง
        งานนี้การันตรีว่าไม่มีการผลิพลาด ทุกกล่องมีสบู่อยู่ข้างในแน่นอน
         อ้าว....ถึงบรรทัดนี้ใครจะเถียงว่าสาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราแตกต่างกันคือวิธีคิดนี่แหละ
                                                                                                                  กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น