วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชอบยิ่งลักษณ์และไม่เลือกเบอร์1และไม่โหวตโน โดย..Boonprasit Kritpracha

 

โดย Boonprasit Kritpracha เมื่อ 17 มิถุนายน 2011 เวลา 0:33 น.


อาจเป็นเรื่องไม่ฉลาดที่มีความเห็นนี้ดังๆ
แต่จำเป็นต้องคิดดังๆ เห็นต่างไม่เป็นไร แต่ไม่แตกแยกจนต้องมาปรองดองภายหลัง
แต่การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆ
ว่าประเทศไทยจะหลุดจากหล่มโคลนที่ดูดเราไว้ในหลายปีที่ผ่านมา
คนไทยลืมง่ายกันอย่างที่เขาว่ากันจริงๆหรือ
เราเชื่ออย่างที่พาดหัวในหนังสือพิมพ์ หรือสื่อต่างๆง่ายๆอย่างนั้นหรือ
เรากำลังตื่นเต้นกับตุ๊กตาสวยตัวใหม่ โดยลืมมองกลุ่มคนที่เดินตามมาอย่างนั้นหรือ
     เมื่อสองปีก่อน สองปีเท่านั้น!!!!!!
     ยังไม่ต้องไปถึงเมื่อ 4-5 ปีก่อน ว่าทักษิณทำอะไรไว้กับประเทศไทย  
     สองปีก่อน เรามีกลุ่มคนกระหายเลือด บุกล่มการประชุมผู้นำประเทศอาเซียน
     ผู้นำประเทศต่างๆ หนีตายกันหัวซุกหัวซุน โรงแรมถูกทุบทำลาย
     เห็นในข่าว เจ้าหน้าที่ผู้หญิงต่างชาติ นั่งพนมมือขอชีวิต ฝูงอันธพาลที่ไปทุบทำลายโรงแรม เดินกร่างคับประเทศ เหยียบไปบนหัวใจของคนไทยหลายล้านคน ที่มองดูด้วยความสะท้อนใจ แต่อ่อนเปลี้ยไม่รู้จะทำอย่างไร
     เห็นแล้ว ร้องไห้ สงสารประเทศไทย สงสารตัวเอง
     นายกฯ รองนายกฯ ถูกรุมทุบรถทำร้าย หมายปองชีวิตกลางเมือง
     ภาพเลขานายกฯ ถูกลากลงมาจากรถ รุมทำร้าย เกือบตาย
     คุณไม่ชอบเขา เข้าใจได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ ทำร้ายใครอย่างนั้น
     แล้วพวกหัวโจกของฝูงอันธพาลนั้น กำลังจะเป็น ส.ส. หรือ รัฐมนตรี
     แล้วมันจบไปเฉยๆ อย่างนั้นหรือ

          ปีที่แล้วมาชุมนุมกลางเมืองหลวง สะสมอาวุธ ชุมนุมอันธพาล
          เราเครียดกันทั้งประเทศ ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันตราย หลายประเทศห้ามคนเขาไม่ให้มาบ้านเรา
          จำได้ไหมว่า ใครบุกโรงพยาบาลจุฬา กักขฬะ หยาบช้า
          มีทหาร ตำรวจถูกลอบยิง เสียชีวิต
          มีรูปถ่าย คลิปวิดิโอ มากมายแสดงถึงอาวุธ คนชุดดำที่ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่
          สุดท้าย เผาเมืองหลวง
          เราถูกเผาเมืองหลวง ครั้งสุดท้ายโดยพม่าตอนเสียกรุงครั้งที่สอง พี่น้อง
          ครั้งนั้น เขาว่าเพราะคนไทยแตกสามัคคี คนส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องส่วนรวม ????
          รัฐบาลประเทศไหนๆ ก็ต้องควบคุม สลายการชุมนุมที่มุ่งหวังทำลายชาติอย่างนี้ทั้งนั้น
          จำความรู้สึก ตอนนั้นได้ว่า โล่งใจ ประเทศไทยจะได้เดินหน้ากันต่อไปเสียที
          แต่ วันนี้ หัวโจกที่ชวนเขามาเผาบ้านเมือง กำลังเดินยิ้มแย้มตามตุ๊กตาตัวสวยนั้น
          แล้วมันกำลังจะเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรี
          ประเทศไทย เราเป็นได้ถึงเพียงนี้หรือ เราจะเป็น banana republic ????
หลายคนเชื่อวาทกรรมซ้ำๆ คนตาย 91 ศพ รัฐบาลเป็นคนฆ่า
เฮ้ย.. ทหารก็ตาย รวมอยู่ในนั้นด้วย
จำ พันเอกร่มเกล้า ได้มั้ย
จำภาพเจ้าหน้าที่ที่นั่งซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์เข้าไป แล้วโดนคนชุดดำในที่ชุมนุม ยิงล้มกลิ้งได้มั้ย
แล้วยังจำ คนเสื้อแดงยิงชาวบ้าน แล้วรถแก๊สคันนั้น เมื่อสงกรานต์ก่อนได้มั้ย
ภาพต่างๆ วิ่งเข้ามาในความทรงจำ ไม่อยากรื้อฟื้น
เอ๊ะ... หรือก็เพราะเราไม่อยากรื้อฟื้น เป็นสาเหตุทำให้เราลืมไปง่าย แกล้งหลอกตัวเองว่า ปัญหาหายไปแล้ว...แว๊บ
     มันไม่มีหรอก วีรบุรุษขี่ม้าขาว วีรสตรีขี่ม้าแดง มาช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด
     ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติได้ด้วยคนไทยทุกคน
     ไม่มีใครมาเป็นนายก แล้วแก้ปัญหาได้ใน 2-3 ปี หรอก
     ไม่มีทางที่ใครจะมากู้ชาติได้ด้วยการแห่แหน ล้อมรอบด้วยอันธพาลที่พร้อมจะเผาประเทศ
     สันดานอันธพาล กลุ่มอันธพาลก็ย่อมนำประเทศในวิถีนั้น
     เราจะนั่งพร่ำ ภาวนาให้อันธพาล กลับกลายเป็นคนดี ก็เหมือนชาวบ้านขอหวย กับลูกหมาคลอดพิการสามขา ไม่มีหัว
คุณยิ่งลักษณ์ อาจเป็นคนดี น่ารัก
แต่คุณยิ่งลักษณ์ ไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ ความพร้อมจะเป็นผู้นำชาติ นอกจากทำตัวสวย ให้ดูดี น่าเอ็นดูและพูดตามสคริปต์
คุณยิ่งลักษณ์ จะคุมคนอย่าง พวกหัวโจก อันธพาล เผาเมืองได้หรือ บอกหน่อย ทำยังไง
คุณยิ่งลักษณ์ จะจัดการอย่างไรกับปัญหาของพี่ชายตนเอง ที่ทำผิดคดีอาญาต่างๆ ที่พยายามเบี่ยงประเด็นว่าเป็นคดีการเมือง
คุณยิ่งลักษณ์จะนำประเทศไปทางใด ตอบเองได้ไหม ไม่ต้องสคริปต์
มีคำถามอีกมากมาย ที่คงไม่มีทางได้คำตอบ
เพราะคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ตัวจริง เป็นเพียงหมากที่พี่ชายใช้  ที่อาจได้ผล
สร้างภาพได้อย่างยอดเยี่ยม
มาจังหวัดยะลา เกณฑ์คนคลุมหัวด้วยผ้าแดงมาพบที่คฤหาสน์พรรคพวก ถ่ายรูปลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ประหนึ่งชาวบ้านรักสุดหัวใจ
เราลืมกันง่ายๆ เลยหรือว่าใครที่ช่วยสุมไฟใต้ให้ลุกโชน
เกิดอะไรที่กรือเซะ ตากใบ ใครรับผิดชอบคนตายหลายร้อยคน มากกว่า 91 ศพที่พยายามจุดกันตอนนี้หลายเท่า
เลือกคุณยิ่งลักษณ์ จะได้พี่ชายขี้โกงกลับมา และได้อันธพาลครองเมืองแน่ๆ
เราจะลืมกันง่ายๆ แล้วเอาหัวฝังดินต่อไปอย่างนี้หรือ
     เราไม่มีตัวให้เลือกมาก
     คนเก่งคนดี ไม่มีใครอยากเปลืองตัว
     คนที่เคยชื่นชมว่าเก่งว่าดี ถูกถล่ม เสียผู้เสียคน
     ไม่มีคนเก่ง ไม่มีคนดี ที่ถูกใจร้อยเปอร์เซนต์
     แค่ครั้งนี้ต้องการแสดงสิทธิ์โหวต ว่าไม่เอาพวกเผาบ้านเผาเมือง
     และอยากให้ประเทศไทยลองเดินไปอย่างที่เดินมาในช่วงสองปีหลังนี้ต่อไป
     ถ้าไม่ไหวคราวหน้าก็เลือกกันใหม่ แต่ต้องหลุด และสลัดโคลนตมหล่มนี้ไปให้ได้ก่อน
     เอาทีละอย่าง พี่น้องเอ๊ย

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เสื้อแดงลวงโลก 91 ศพ




ข้อมูลประกอบ
********** 91 ศพ เสื้อแดง ลวงโลก *********

จากเหตุณ์การสลายการชุมนุมและกระชับพื้นที่ของเจ้าหน้าทหารตำรวจ จนเป็นเหตุให้ใผู้เสียชีวิตจำนวน 91 ศพนั้น ประเด็นนี้ดูจะกลายเป็นประเด็นร้อนที่พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงนำมาชู โรงเรียกร้องขอความเป็นธรรมว่า

" ทั้ง 91 ศพ คือกลุ่มคนที่รักประชาธิปไตย ต่อสู้ด้วยความสันติอหิงสา ที่สำคัญกลุ่มคน 91 ศพนี้ คือวีรบุรุษของคนเสื้อแดง "

เอาเถอ ใครไม่รู้ฟังดู โอ้โห นะ 91 ศพคนเสื้อแดงพลีกายเพื่อประชาธิปไตย น่านับถือจริงๆ เอาเถอะไหนๆคน ตายก็ตายไปแล้ว ผมก็ขอแสดงความเสียใจด้วยละกัน แต่ 1 มุมมองที่พรรคเพื่อไทยเลี่ยงบาลีไม่เคยตอบคำถาม และคำถามจี้ใจดำกลุ่มคนเสื้อแดงมาตลอด คือ

91 ศพ นั้น เป็นคนเสื้อแดงทั้ง 91 ศพ จริงๆหรือ

หาก ใช่ ผมก็ต้องขอโทษที่เข้าใจผิด แต่ หากไม่ใช่ ไฉน คนเสื้อแดง และลิ่วล้อจึงยกเอาประเด็น 91 ศพ มาเล่นขี้ตู่ว่า 91 ศพเป็นกลุ่มคนเสื้อแเดง " ที่โดนเจ้าหน้าที่กระทำอันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย มาๆลองมาพิจารณาทั้ง 91 ศพซิ ว่าใครเป็นใคร โดนอะไรบ้าง แล้วเด๋วผมจะสรุปและถามผู้รู้รอบจากฝั่งเสื้อแดงหน่อย

รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่สี่แยกคอกวัววันที่ 10 เมษายน 2553

1 Mr.Hiroyuki Muramoto อายุ 43 ปี ถูกยิงอกซ้าย เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล (ร.พ.) (ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์)
2 นายสวาท วงงาม อายุ 43 ปี ถูกยิงศีรษะด้านบนข้างขวาทะลุขมับซ้าย เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
3.นายธวัฒนะชัย กลัดสุข อายุ 36 ปี ถูกยิงอกซ้ายทะลุหลัง เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
4.นายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ถูกยิงอกซ้ายทะลุหลัง เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
5.นายจรูญ ฉายแม้น อายุ 46 ปี ถูกยิงอกขวากระสุนฝังใน เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
6.นายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี ถูกยิงศีรษะด้านหลังทะลุด้านหน้า เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
7.นายสยาม วัฒนนุกุล อายุ 53 ปี ถูกยิงอกทะลุหลัง เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
8.นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี ระบบหายใจล้มเหลวจากโรคถุงลมโป่งพอง เสียชีวิตที่ ร.พ.
9.นายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 26 ปี ถูกยิงศีรษะด้านหลังทะลุด้านหน้า เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
10.นายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ถูกยิงศีรษะด้านหลังทะลุด้านหน้า เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
11.นายไพรศล ทิพย์ลม อายุ 37 ปี ถูกยิงศีรษะด้านหน้าทะลุท้ายทอย เสียชีวิตที่ ร.พ.
12.นายเกรียงไกร ทาน้อย อายุ 24 ปี ถูกยิงสะโพก กระสุนฝังในช่องท้อง เสียชีวิตที่ ร.พ.
13 นายคะนึง ฉัตรเท อายุ 50 ปี ถูกยิงอกขวา กระสุนฝังใน เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
14 พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์ อายุ 25 ปี แผลเปิดกะโหลกท้ายทอย เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
15 พลทหารอนุพงษ์ เมืองราพัน อายุ 21 ปี ทรวงอกฟกช้ำ น่อง 2 ข้างฉีกขาด เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
16 นายนภพล เผ่าพนัส อายุ 30 ปี ถูกยิงที่ท้อง เสียชีวิตที่ ร.พ.
17 พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อายุ 43 ปี ท้ายทอยขวาฉีกขาด น่อง 2 ข้างฉีกขาด เสียชีวิตที่ ร.พ.
18 พลทหารสิงหา อ่อนทรง อกซ้าย และด้านหน้าต้นขาซ้ายฉีกขาด เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
19 พลทหารอนุพงศ์ หอมมาลี อายุ 22 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ เสียชีวิตที่ ร.พ.
20 นายสมิง แตงเพชร อายุ 49 ปี ถูกยิงศีรษะ เสียชีวิตที่ ร.พ.
21 นายสมศักดิ์ แก้วสาน อายุ 34 ปี ถูกยิงหลังทะลุอกซ้าย เสียชีวิตที่ ร.พ.
22 นายบุญธรรม ทองผุย อายุ 40 ปี ถูกยิงหน้าผากซ้ายทะลุศีรษะด้านหลังส่วนบน เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
23 นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ อายุ 29 ปี แผลที่หน้าอกซ้าย เสียชีวิตที่ ร.พ.
24 ชายไม่ทราบชื่อ อายุ 40-50 ปี บาดแผลเข้าสะโพกขวาตัดเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ขาหนีบ เสียชีวิตที่ ร.พ.
25 นายมานะ อาจราญ อายุ 23 ปี ถูกยิงศีรษะด้านหลังทะลุด้านหน้า เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
26 นายอนันต์ สิริกุลวานณิชย์ อายุ 54 ปี ถูกยิงเสียชีวิต

หมาย เหตุ :รวม ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้และที่ผ่านฟ้าฯรวม 26 ราย เป็นทหาร 5 นาย พลเรือน 21 ราย ( ทหารนอกประจำการ 1 นาย นักข่าวรอย เตอร์ 1 ราย ) รายที่ 25 นายมานะ อาจราญ ถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิตขณะอยู่ในสวนสัตว์ดุสิต รายที่ 26 เสียชีวิตเพิ่มหลังนอนพักในโรงพยาบาล

รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่ถนนสีลม วันที่ 22 เมษายน 2553
27.นางธันยนันท์ แถบทอง อายุ 50 ปี ถูกสะเก็ดระเบิด เสียชีวิตที่ถนนสีลม
รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ วันที่ 28 เมษายน 2553
28.พลทหารณรงค์ฤทธิสาระ เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
รายชื่อผู้เสียชีวิตจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงหน้าธนาคารกรุงไทย ถนนสีลม วันที่ 7 พฤษภาคม 2553
29.ส.ต.อ.กานต์ณุพัฒน์ เลิศจันเพ็ญ อายุ 38 ปี มีบาดแผลกระสุนปืน เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ

รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่ประตู 4 สวนลุมพินี วันที่ 8 พฤษภาคม 2553
30.จ.ส.ต.วิทยา พรมสารี อายุ 35 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าอกด้านขวา เสียชีวิตที่ ร.พ.

รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่แยกศาลาแดง วันที่ 13 พฤษภาคม 2553
31.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อายุ 58 ปี ถูกยิงบริเวณศีรษะ เสียชีวิตที่ ร.พ.

รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่หัวมุมถนนวิทยุ สวนลุมพินี วันที่ 13 พฤษภาคม 2553
32.นายชาติชาย ชาเหลา อายุ 25 ปี มีแผลเปิดบริเวณท้ายทอย เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ

รายชื่อผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่หัวมุมถนนวิทยุ สวนลุมพินี วันที่ 14-19 พฤษภาคม 2553
33 นายปิยะพงษ์ กิติวงค์ อายุ 32 ปี ถูกยิงเสียชีวิตที่สวนลุมพินี
34 นายประจวบ ศิลาพันธ์ (ไม่ทราบอายุ) ถูกยิงเสียชีวิตที่สวนลุมพินี
35 นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์ (ไม่ทราบอายุ) ถูกยิงเสียชีวิตที่ศาลาแดง
36 นายอินทร์แปลง เทศวงศ์ อายุ 32 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
37 นายเสน่ห์ นิลเหลือง อายุ 48 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
38 นายชัยยันต์ วรรณจักร อายุ 20 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
39 นายบุญทิ้ง ปานศิลา อายุ 25 ปี ถูกยิงที่คอ เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ (อาสาสมัครวชิรพยาบาล)
40 นายมนูญ ท่าลาด (ไม่ทราบอายุ) เสียชีวิตที่ซอยหมอเหล็ง
41 นายพัน คำกลอง อายุ 43 ปี ถูกยิงหน้าอกซ้าย เสียชีวิตที่ซอยหมอเหล็ง
42 นายกิติพันธ์ ขันทอง อายุ 26 ปี แผลที่ชายโครง เสียชีวิตที่ ร.พ.
43 นายสรไกร ศรีเมืองปุน อายุ 34 ปี แผลที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
44 ชายไม่ทราบชื่อ (ไม่ทราบอายุ) โดนยิงขาหนีบ เสียชีวิตที่ราชปรารภ
45 ชายไม่ทราบชื่อ อายุ 14 ปี ถูกกระสุนเข้าท้องและแขน เสียชีวิตที่ซอยหมอเหล็ง
46 นายชาญณรงค์ พลอยศรีลา อายุ 32 ปี ถูกยิงหน้าท้องและแขน เสียชีวิตที่ราชปรารภ
47 นายทิพเนตร เจียมพล อายุ 32 ปี แผลที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
48 นายสุภชีพ จุลทัศน์ อายุ 36 ปี แผลที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
49 นายวารินทร์ วงศ์สนิท อายุ 28 ปี แผลที่หน้าอกขวา เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
50 นายมานะ แสนประเสริฐศรี อายุ 22 ปี แผลถูกยิงที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ. (อาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง)
51 นางสาวสันธนา สรรพศรี อายุ 32 ปี ถูกกระสุนเข้าท้องและแขน เสียชีวิตที่ซอยหมอเหล็ง
52 นายธันวา วงศ์ศิริ อายุ 26 ปี แผลที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
53 นายอำพล ชื่นสี อายุ 25 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
54 นายสมพันธ์ ศรีเทพ อายุ 25 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
55 นายอุทัย อรอินทร์ อายุ 35 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
56 นายพรสวรรค์ นาคะไชย อายุ 23 ปี ถูกยิงหลายตำแหน่ง เสียชีวิตที่ ร.พ.
57 นายเกรียงไกร เลื่อนไธสง อายุ 25 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ เสียชีวิตที่ ร.พ.
58.นายประจวบ ประจวบสุข อายุ 42 ปี เสียชีวิตที่เจริญกรุงประชารักษ์
59 นายเกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล อายุ 25 ปี ถูกยิงที่หน้าอกซ้าย เสียชีวิตที่เกิดเหตุ
60 นายวงศกร แปลงศรี อายุ 40 ปี ถูกยิงที่หน้าอก เลือดออกในช่องอก เสียชีวิตที่ ร.พ.
61 นายสมชาย พระสุวรรณ อายุ 43 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ เสียชีวิตที่ ร.พ.
62 นายสุพรรณ ทุมทอง อายุ 49 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
63 ชายไม่ทราบชื่อ อายุ 26 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
64 นายเฉลียว ดีรื่นรัมย์ อายุ 27 ปี ถูกยิงใต้ราวนมขวา เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
65 นายสุพจน์ ยะทิมา อายุ 37 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
66 นายธนากร ปิยะผลดิเรก อายุ 50 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
67 จ.ส.อ.พงศ์ชลิต ทิพยานนทกาญจน์ อายุ 31 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
68 นายสมพาน หลวงชม อายุ 35 ปี ถูกยิงที่ท้อง เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
69 นายมูฮัมหมัด อารี (ออง ละวิน ชาวพม่า) อายุ 40 ปี มีแผลที่หน้าอกทะลุหลัง เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
70 MR.Polenchi Fadio (นักข่าวชาวอิตาลี) อายุ 48 ปี ถูกยิงที่หน้าอก เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
71 นายธนโชติ ชุ่มเย็น อายุ 34 ปี บาดแผลกระสุนปืนทะลุไตซ้ายและเส้นเลือดใหญ่ เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
72 หญิงไม่ทราบชื่อ ถูกยิงเสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
73 นายถวิล คำมูล อายุ 38 ปี มีแผลที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
74 ชายไม่ทราบชื่อ มีแผลที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
75 ส.อ.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ อายุ 44 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
76 นายปรัชญา แซ่โค้ว อายุ 21 ปี บาดแผลกระสุนปืนทำลายตับ เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
77 นายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี บาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
78 นายมงคล เข็มทอง อายุ 37 ปี ถูกยิงปอด หัวใจ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ. (อาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง)
79 น.ส.กมลเกษ อรรถฮาร์ท อายุ 25 ปี บาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
80 นายวิชัย มั่นแพร อายุ 61 ปี บาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ตับ เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
81 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
82 ชายไม่ทราบชื่อ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก สมองช้ำจากการถูกระแทก เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
83 นายนรินทร์ ศรีชมภู บาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เสียชีวิตที่ ร.พ.
84 น.ส.วาสินี เทพปาน เสียชีวิตก่อนถึง ร.พ.
85 นายเยื้อน โพธิ์ทองคำ อายุ 60 ปี แผลที่ก้น เสียชีวิตวันที่ 21 พ.ค. 2553 เวลา 06.15 น.
86 นายกิตติพงษ์ สมสุข อายุ 20 ปี ไฟใหม้ตึกเซ็นทรัลเวิลด์ พบศพวันที่ 21 พฤษภาคม เวลา 15.00 น.
87 นายทรงศักดิ์ ศรีหนองบัว อายุ 33 ปี แผลที่หน้าอกเสียชีวิต
88 นายเพลิน วงษ์มา อายุ 40 ปี เสียชีวิตที่ ร.พ. วันที่ 20 พฤษภาคม เวลา 06.25 น.
89.นายสมัย ทัดแก้ว อายุ 36 ปี เสียชีวิตจากการปะทะหลายจุด (เป็นรายชื่อที่เพิ่มมาจากศูนย์เอราวัณ ซึ่งไม่มีชื่อตามบันทึกของ สพฉ.)
หมาย เหตุ : ลำดับที่ 87 และ 88 เป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ต่างจังหวัด จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 91 ศพ โดย นาย บุญ มีเริ่มสุข ประชาชนย่าน บ่อนไก่ อายุ 71 ปี เสียชีวิตเป็นรายที่ 91 ในเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม ที่โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ช่องท้องบริเวณชุนชนบ่อนไก่ขณะเดินทางไปรับ หลานสาวหลังเลิกเรียนเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553

คำถามให้ตอบแบบชัดเจนไม่ได้ให้แถ

1.ตกลง 91 ศพนี้ เป็นคนเสื้อแดงทั้งหมดหรือไม่ ?

2.ถ้าหากไม่ใช่ทำไมถึงพูดว่า 91 ศพเป็นวีรชนคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ?

3.และถ้าจะตอบว่า 91 ศพ เป็นคนที่เสียชีวิตเหมือนกันเสื้อแดงจะทวงความเป็นธรรมให้ ผมถามว่า พวกคุณเคยไปงานศพ

-Mr.Hiroyuki Muramoto
-พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์
-พลทหารอนุพงษ์ เมืองราพัน
-พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม
-พลทหารสิงหา อ่อนทรง
-พลทหารอนุพงศ์ หอมมาลี
-นางธันยนันท์ แถบทอง
-ส.ต.อ.กานต์ณุพัฒน์ เลิศจันเพ็ญ
-จ.ส.ต.วิทยา พรมสารี
-นางสาวสันธนา สรรพศรี
-นายมูฮัมหมัด อารี (ออง ละวิน ชาวพม่า)
-MR.Polenchi Fadio (นักข่าวชาวอิตาลี)
-ส.อ.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ อายุ 44 ปี เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ
-นายบุญ มีเริ่มสุข

เคย ไปถามไหมว่าเขาต้องการอะไร นี่ยังเป็นส่วนน้อยที่ผมตรวจสอบมานะ ที่ยังไม่ตรวจสอบคิดว่ายังไม่ที่ไม่ใช่เสื้อแดงอีกหลาย แล้วพวกคุณเคยไปติดต่อเค้าไหม แหกปากบอกทวงความเป็นธรรมให้ เคยถามเค้าสักคำไหมญาติผู้เสียชีวิตส่วนนี้นะ

รายชื่ออันดับที่27

นางธันยนันท์ แถบทอง อายุ 50 ปี


ท่านนี้ผมยืนยันได้ว่า คุณธันยนันท์ เธอคือกลุ่มเสื้อหลากสี ไม่ใช่เสื้อแดง100%ครับ เธอไปให้กำลังใจทหารที่เฝ้ารักษาการณ์ที่สีลม

เธอเอาข้าวและน้ำไปให้ทหารเพื่อให้ทหารมีกำลังใจทำงานเพื่อชาติ

ลูกของเธอและน้องสาวของเธอ ประณามเสื้อแดงที่กีดขวางรถพยาบาลที่กำลังนำคุณธันยนันท์ ไปส่งโรงพยาบาลให้ได้ทันเวลา

4.ผมถามว่าผู้ตายไม่ทรายชื่อคุณรู้ได้ไงว่าเค้าคือคนเสื้อแดง ?

5.ถ้าตอบว่าไม่รู้แล้วทำไมถึงพูดว่า 91 ศพคือคนเสื้อแดง ( ถามซ้ำแต่อยากถามอีก )

6.ทำไมถึงรวม นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี ระบบหายใจล้มเหลวจากโรคถุงลมโป่งพอง เข้าไปในการร้องเรียนว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย

91 เป็นเสื้อแดงหรือ?
บางคนต่อต้านพวกคุณด้วยซ้ำนะ

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำขวัญท้ายรถ 23/2/51




ว่ากันว่าเมืองไทยของเรานี้น่าอยู่ เหตุหนึ่งเพราะว่าคนไทยนั้นร่ำรวยอารมณ์ขัน เรื่องเศร้า  เรื่องเครียต คนจับมาแปลงร่างเป็นเรื่องตลกขบขันได้ตลอดเวลา
                ปัญหาจราจรในเมืองไทยที่ขึ้นชื่อมานาน  ใครมาถึงกรุงเทพไม่งงก็ต้องแปลกใจ ทำไมรถมันติดได้ ทั้งเช้า ทั้งเย็น บางคนยังต้องเสียเงินเพื่อขึ้นไปรถติดบนทางด่วนอีกต่างหาก 
                เจออย่างนี้เข้าบ่อยๆ คนก็เริ่มเครียด พอเครียดมาก ก็ไม่ได้แล้ว เสียเอกลักษณ์ของคนไทยหมด  จึงต้องมีการใช้วิธีแก้ความเครียดบนท้องถนน
 วิธีหนึ่งคือการเขียนคำขวัญท้ายรถ ซึ่งเป็นสำนวนตลก อ่านแล้วต้องอมยิ้ม ตอนแรกมาจากสิงห์รถบรรทุกก่อน   ช่วงก่อนรถบรรทุกมักจะมีคำขวัญเก๋ๆแปะไว้ท้ายรถ  ต่อมาเริ่มเกิดการออสโมซิส แพร่กระจายมยังรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
                วันนี้เลยขอรวบรวมคำขวัญสุดฮิตของรถต่างๆ มาฝากคุณๆ เผื่อจะได้สบายใจขึ้นบ้าง เพราะนาทีนี้เปิดทีวีดูข่าวเมื่อไหร่ อยากอาเจียนเป็นโลหิตทุกครั้ง
                เริ่มกันที่ต้นกำเนิดก่อนครับ คำขวัญเก๋ๆของสิงห์บรรทุกอาทิเช่น  บินได้ ตูบินไปแล้ว  , อย่าดื่มเหล้าขณะขับรถ เพราะจะทำให้เหล้าหกเสียของ  , การขับรถทำให้ประสิทธิภาพในการดื่มสุราน้อยลง  , คำเตือน "ห้ามดื่มสุรา ขณะมึนเมา"  , เมาไม่ขับ จะกลับยังไง , เมาเหล้าเสียหลัก เมารักเสียใจ ,เมาไม่ขับ เพราะกลับไม่ถูก
แนวความรักก็เช่น หลงทางยังหาเจอ หลงเธอสิเหลือทน  ,ถนนคือการศึกษา ใบสั่งคือปริญญา , รถติดคือมรดกไทย อนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลาน , เมียซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน  ,เศษแก้วมันบาดคน คำพูดของเศษคนมันบาดใจ , ถึงจะขับ 10 ล้อ แต่ก็ได้หมอเป็นเมีย , เหงื่อทุกหยด เพื่ออนาคตน้องเมีย ,จำกัดความเร็ว 180 กม./ 3 ชั่วโมง
มาถึงแนวประชดประชัน เกี่ยวกับการตั้งด่านของคู่กรรมของรถบรรทุก(ตำรวจ) เช่น  จ่ายเฉพาะด่านรู้ใจ ,อยู่บ้านเมียด่า ออกมาจ่าจับ  ,ถ้ารีบ ทำไมไม่ไปตั้งแต่เมื่อวาน ,เห็นตูเป็นลาว จับเช้า จับเย็น ,ขับเร็วว่าแดกม้า ขับช้าว่าหมาไม่แดก
มาถึงรถซิ่งกันบ้าง เช่นวัตถุไปไว  , อดีตเคยแรง , ขับเร็วชิดซ้าย ขับไวชิดขวา , ทุกอย่างดังหมด ยกเว้นเครื่องเสียง , อุบัติเหตุป้องกันได้ ถ้าให้เธอนั่งข้าง , เหยียบเบรกคิดถึงเมีย เข้าเกียร์คิดถึงเธอ , รักจริงหวังแต่ง รักแท้หวังฟัน รักนิรันดร์ฟันแล้วทิ้ง
บรรดารถเก่าโกโรโกโส ก็ไม่ยอมน้อยหน้า มีคำขวัญติดท้ายกับเขาเหมือนกัน เช่น แอบแซง เพราะแรงน้อย  , โกรธอ๊ะป่าววว ถูกรถเก่าแซง , วันนี้ไม่แรง ให้แซงไปก่อน , มือใหม่หลบไป มือเก่าจะแซง , หมาเห่ายังบุบ
อ่านเสร็จยังต้องขอยกนิ้วให้ว่า ช่างคิ้ด  ช่างคิด จริงๆ 
เด็กสมัยใหม่อาจจะบอกว่าเสี่ยวเหลือหลาย แต่ความจริงถ้ามองโลกในแง่ดีก็ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของผู้คนได้เหมือนกัน  เหมือนกับที่คนเขากล่าวหาว่า เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ไม่ค่อยรู้เรื่องกาลาเทศะเท่าไหร่  ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทย ก็จะโดนต่างชาติกลืนมาทีละน้อย ทีละน้อย
มีเรื่องเล่าว่า วัยรุ่นหญิง คนหนี่ง อยากทำบุญใส่บาตร  ก็จัดแจงเตรียมของ มายืนรอพระอยู่หน้าบ้าน  ฝ่ายพระเองด้วยความไม่รู้ ก็เดินผ่านหน้าบ้านไป  ฝ่ายขาโจ๋เห็นพระเดินผ่านไป  ก็รีบตะโกนลั่นว่า เฮ้! ”
พระได้ยินก็หันหน้ามาถามว่า  โยมเรียกอาตมา ใช่หรือเปล่า
หญิงสาวตอบด้วยเสียงเรียบง่ายว่า
ก้อเรียกตัวเองนั่นแหละ.......
.                                                                                               กุนซือ

ส้มตำ 13/2/51



สมัยก่อนคนมักเปรียบเปรยว่า อยากมีชีวิตที่ผาสุก ก็ให้ไปกินอาหารจีน  มีเมียญี่ปุ่น บ้านทรงยุโรป ก็พอ เพราะอาหารจีนนั้นเลิศรส ผู้หญิงญี่ปุ่นก็ก็เพียบพร้อมเรื่องดูแลสามีและบ้านช่อง  บ้านทรงยุโรปก็งดงามน่าอยู่  ถ้าได้มาครบทั้งสามสิ่ง ก็นอนตายตาหลับ
                อาหารจีนนั้นเลื่องชื่อมานาน ผู้คนก็ขับขานกันทั่วโลก ชวนใครไปกินโต๊ะจีน รับรองว่าหาคนปฏิเสธได้ยาก  แต่เมื่อโลกเริ่มแคบลงเพราะการสื่อสารที่ทันสมัย ผู้คนเริ่มท่องเที่ยวกันมากขึ้น หูตาเริ่มมองเห็นโลกกว้างขึ้นกว่าเดิม  มุมมองเรี่มเปลี่ยน
                อาหารจีนที่เคยเป็นแชมป์โลก ที่หามใครมาเทียบชั้นได้ยาก ตอนนี้ตำแหน่งเริ่มสั่นคลอน อาหารจากชาติอื่นๆเริ่มโด่งดัง วิ่งมาหายใจรดต้นคอกันเป็นแถว  ตอนนี้เลยต้องมาจัดอันดับทำเนียบกันใหม่
ชั่วโมงนี้อาหารที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารชั้นจตุรเทพของโลกนั้น คืออาหารจีน  อาหารอิตาเลี่ยน อาหารฝรั่งเศส แล้วก็อาหารไทย ของเรา อาหารไทยนั้นได้ชื่อว่ามีการปรับเปลี่ยนพัฒนารสชาติของอาหารจนถูกปากไปทั่วโลก อาหารญี่ปุ่นที่เรียกว่าชาบู  ชาบูพอนำเข้ามายังประเทศไทย โดนโคคา สุกี้ จับมาแปลงโฉมจนโด่งดัง หลังจากนั้นเอ็ม.เค สุกี้ก็คลอดออกมาทีหลัง และพัฒนาจนขยายสาขาไปขายที่ญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นมาชิมสุกี ยากี้สโตล์ไทย ที่มีน้ำจิ้มเป็นตัวชูโรง กินเสร็จโวยวายด่าคนไทยกันยกใหญ่  ว่าของอร่อยแบบนี้ทำไม เพิ่งพามาชิม ปล่อยให้กินสไตล์เจแปนมานมนาน
            ก๋วยเตี๋ยวที่ชื่อเป็นภาษาจีน พอแปลงร่างเข้าเมืองไทย ก็เจอแม่ครัวไทยจับมาแต่งหน้า ทาปาก ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวมีทั้งน้ำตก น้ำใส ต้มยำ สารพัด สารเพ ให้ลิ้มลองตามใจชอบ กินกันไม่รู้จักเบื่อ
            นอกจากต้มยำกุ้ง กับผัดไทยแล้ว ถ้าถามคนต่างชาติว่าอาหารไทยอะไรที่ยูรู้จัก ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ส้มตำ  ส้มตำเป็นอาหารประจำชาติไปแบบง่ายดาย ไปภาคไหนของประเทศ ก็มีครกขายส้มตำให้เห็นกันทุกที่  เมื่อปี 2533 คุณเทียรี่ เมฆวัฒนา แห่งคาราบาว  แต่งเพลงที่มีเนื้อหากล่าวถึง ส้มตำ ในเพลงชื่อ ปาปาย่า ป๊อก ป๊อก แล้วเพลงก็ดังขึ้นมาทันตาเห็น  ซึ่งต่อมาคำว่า ปาปาย่า ป๊อก ป๊อก นี้เป็นที่รับรู้กันในสังคมว่าหมายถึงส้มตำ แต่มิใช่เป็นคำเรียกส้มตำในภาษาอังกฤษอย่างที่หลายคนเข้าใจ
            มาย้อนรอยดูที่มา ที่ไปของส้มตำ ของไทยแลนด์ ที่ชายกินได้  หญิงกินดี ส้มตำ (Som tam) เป็นอาหารคาวของไทยอย่างหนึ่ง มีต้นกำเนิดไม่แน่ชัด เพราะหาข้อชัดเจนไม่ได้ แต่คาดว่าโดยน่าจะมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของไทยและ ประเทศลาว ส่วนมากจะทำโดยนำมะละกอดิบที่ขูดเป็นเส้น มาตำในครกกับ มะเขือลูกเล็ก ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง พริก และกระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ปูดองหรือปลาร้า ให้มีรสเปรี้ยว เผ็ด และออกเค็มเล็กน้อย
            จะกินส้มตำให้อร่อย ก็ต้องเสริฟพร้อมกับเพื่อนๆอาทิข้าวเหนียวและไก่ย่าง โดยมีเพื่อนไม่ค่อยสนิทเช้น กะหล่ำปลี หรือถั่วฝักยาว เป็นเครื่องเคียง
            จับส้มตำมาแยกประเภทจะได้ 7 ประเภทใหญ่ๆคือ1.ส้มตำไทย ไม่ใส่ปูและปลาร้า แต่ใส่กุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่วแทน รสชาติออกหวานและเปรี้ยวนำ บางถิ่นอาจใส่ปูดองเค็มด้วย เรียกว่า ส้มตำไทยใส่ปู   2.ส้มตำปู ใส่ปูเค็มแทนกุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่ว รสชาติออกเค็มนำ 3.ส้มตำปลาร้า ใส่ปลาร้าแทนกุ้งแห้ง นิยมรับประทานกันมากในภาคอีสาน 4.ตำซั่ว ใส่ทั้งเส้นขนมจีนและเส้นมะละกอ นิยมรับประทานกันมากในภาคอีสาน 5.ตำป่า ใส่ผักหลายชนิด เช่น ผักกระเฉด ผักกาดดอง ปลากอบ ถั่วลิสง ถั่วงอก ถั่วฝักยาว รวมถึงหอยแมลงภู่ จะนิยมรับประทานในภาคอีสาน 6.ตำโคราช ใส่เครื่องปรุงผสมระหว่างส้มตำไทยและส้มตำปลาร้า คือใส่ทั่้งกุ้งและปลาร้า 7.ส้มตำไข่เค็ม ใส่เครื่องปรุงผสมระหว่างส้มตำไทยและไข่เค็ม ไม่ใส่ ปูดอง ทำให้  รสชาติ กล่อมกล่อมพอดีเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบส้มตำเผ็ดจัด
            ยุคนายหัวชอบชิมไป  บ่นไปชาวบ้านอย่างเราๆต้องตามกระแส ต้องคุยเรื่องอาหารการกินเป็นหลัก ประเทศชาติเป็นรอง กูรูหลายคนเริ่มแนะว่ายุคนี้เราอาจจะใช้นายกฯคนใหม่ นำทัพอาหารไทยให้ชื่อเสียงขจรไกลในต่างแดน...สาธุ
                                                                                                                        กุนซือ

กินเจกีฬา 15/1/51

 


ช่วงนี้สัญญากับกับตัวเองว่า จะกินเจกีฬา งดดูข่าวกีฬาทางทีวี  งดอ่านหนังสือพิมพ์  เปลี่ยนคลื่นวิทยุทุกครั้งที่มีการรายงานผลการแข่งขัน เพราะตั้งแต่ปีหนู เปิดศักราชขึ้นมา ทีมรักทั้งหลายทยอยเดี้ยงกันอย่างพร้อมเพียง
                เริ่มต้นจาก ทีมฟุตบอลในดวงใจ หงส์แดง ลิเวอร์พู ล จากเกาะอังกฤษ  ตอนต้นฤดูกาล เปรียบเหมือนพลุ  โชติช่วงชัชวาล  ทำเอาบรรดาเดอะค็อป ทั้งหลายทั่วโลก กระดี้กระด๊า กันเป็นแถว หลับตาเมื่อไหร่ ก็เห็นภาพ กัปตันทีม เจอร์ราร์ด  ชูถ้วยชนะเลิศพรีเมียร์ ลีค ของอังกฤษ
                สิ้นสุดแห่งการรอคอย 18 ปี
                แต่แล้ว หนังม้วนเดิม  ที่ฉายซ้ำมา สิบกว่าปี ก็รีเพลย์กันอีกรอบ  ฟอร์มอันเพริศแพร้ว เริ่มสะดุดครั้งแล้ว ครั้งเล่า   เหล่าเดอะ ค็อป ทั้งหลายเริ่มมองซ้าย มองขวา กระซิบปลอบใจกันว่า  ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็มา
                เพราะเรามี 1 เทวดา(เจอร์ราร์ด)  และ 1 เทพ (ตอร์เรส)
                ประโยคอมตะของนิยายจีนที่ว่าคนไหนที่เก่งจนถึงขั้นเทพแล้ว  จะเริ่มเข้ายุค สูงสุดสู่สามัญ  แต่ลิเวอร์พูล  ใช้ระบบเรียนลัด  คือ  ไม่ต้องถึงสูงสุด  ฉันด่ำดิ่งสู่ สามัญ ได้เลย
                ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา  สาวกหงส์แดง  ตั้งความหวังไว้สูงส่งว่า ถ้าไปเยือนมิดเดิ้ลสโบรซ์  แล้วไม่ได้ สามแต้มกลับบ้าน เห็นทีความฝันแชมป์พรีเมียร์ จะหลุดลอยไปแบบถาวร
                หลังสิ้นเสียงนกหวีด  บรรดาหงส์รุ่นเล็ก  หงส์รุ่นใหญ่ทั้งหลาย อยากจะพาเหรดเข้าผับไปฟาดเหล้า หงส์ทอง  ให้รู้แล้วรู้รอด  เพราะทำได้ดีแค่เสมอ แบบน่าแพ้เป็นที่สุด
                เสียงกระแหนะ  กระแหน จากบรรดาเด็กผีแดง  สอดแทรกมาเป็นระยะๆ สมกับสุภาษิตที่ว่า คนล้ม ต้องรีบข้าม
                เฮ้ย....เมื่อกี้ หงส์แดง หรือว่า เป็ดย่างน้ำแดง (วะ)
                ฟังแล้วต้องรีบ...........กลืนเลือด
                ชีวิตไม่สิ้น  ต้องดิ้นไป  เมื่อผิดหวังจากฟุตบอลฝั่งยุโรป  ก็ต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน  รีบย้ายโฟกัส ไปยังแดนมะริกัน  เมื่อฟุตบอลอังกฤษ ไม่สมหวัง  ความมุ่งมั่นเลยไปหยุดที่ ฟุตบอลของมะริกันชน
                ศึกคนชนคน  กำลังเข้มข้นเข้าสู่รอบเพล์ย  ออฟ  ใครแพ้ม้วนเสื่อกลับบ้านทันที 
                ดัลลัส  คาวบอย  สุดยอดทีมอเมริกันฟุตบอล ในใจผมตั้งแต่เด็ก  ปีนิ้ใส่เกียร์เดินหน้า  คว้าแชมป์กลุ่มแบบหายห่วง  แถมยังนำทัพด้วยควอเตอร์แบ็ค  โทนี่  โรโม  ที่เนื้อหอมที่สุด ใน  NFL ขณะนี้   โดยมีการวัดโดยการดูยอดจำหน่ายเสื้อที่มีชื่อของนักฟุตบอลปักอยู่ข้างหลัง  ปรากฏว่าเสื้อที่ปัก โรโม  ไว้ที่หลัง ขายดีเหมือนปาทิ้ง
                เพลย์ ออฟ  รอบนี้ ใครชนะก็จะเข้าไปชิงแชมป์สาย  ดัลลัส  คาวบอย เปิดบ้านต้อนรับคู่แค้นตลอดกาลอย่าง  นิวยอร์ค  ไจแอนท์  ที่ปีนี้แพ้ คาวบอย มาแล้ว สองครั้ง สองครา   บ่อนลาส เวกัส ประกาศอัตราต่อรองว่า คาวบอย เป็นต่อ ไจแอนท์ อยู่ 7 แต้ม
                เกมคู่นี้ เริ่มเตะ คิก  ออฟ  กันตอน ตีสี่ครึ่ง  ของเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา  ผมเองตั้งหน้า  ตั้งตารอเกมนี้ด้วยใจระทึก  เตรียมพร้อมทุกอย่าง ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาเตรียมไว้กินตอนดึก เผื่อหิว เพราะเริ่มดูคู่อื่นที่แข่งเป็นคู่แรกตั้งแต่ประมาณตีหนึ่ง 
                หนังตากระพริบถี่ๆ  เมื่อไหร่  เดินไป เอาน้ำลูบหน้าทุกครั้ง  กลัวแป้ก หลับไปแบบไม่รู้ตัว  หลังเกมเริ่ม  ความวิตกเริ่มทวีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  เพราะฟอร์มของคาวบอย  ที่เคยฉูดฉาด วันนี้มีอันต้องสะดุด  โรโม  ควอเตอร์แบ็ค ที่ขึ้นชื่อเรื่องการขว้าง  วันนี้ ไม่ได้สะบัดหัวไหล่ โชว์ศักยภาพเหมือนเคย
                หลังหมดเวลา  ดัลลัส  คาวบอย พ่ายไปแบบเฉียดฉิว คาบ้านของตัวเอง ทำเอากองเชียร์ใบ้รับประทานกันถ้วนหน้า  ผมเองดูนาฬิกาเกือบ แปดโมงเช้า  ง่วงก็ง่วง แต่ความเซ็งมีมากกว่า เพราะความหวัง กลายเป็นปราสาททรายไปต่อหน้า  ต่อตา
                ก่อนวิเคราะห์แบบกูรู ว่า ลิเวอร์พูล กับ ดัลลัส  คาวบอย  มีสโลแกนที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า
                ไม่ต้องขึ้นไปหรอก...จุดสูงสุด  ลงไปหาจุดสามัญ  ได้เลย
                                                                                                                                กุนซือ

กูเกิ้ล 9/1/51




8 ปีก่อนถ้าถามบรรดาคนทั่วไปว่ารู้จักกูเกิ้ลมั้ย  อาจจะมีการส่ายหัวบอกว่า ไม่รู้อ่ะ.. รู้จักแต่.....บลู  อีเกิ้ล  รสชาติใช้ได้ ราคาถูก แต่มาถึงนาทีนี้ คำว่า กูเกิ้ล กลายเป็นคำฮิตติดปากของบรรดานักท่องเน็ต ทั้งโลก
                เพราะตั้งแต่ กูเกิ้ล ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ตเมื่อ ปี 1996 ชื้เวลาไม่กีปี ก็สามารถล้มยักษ์ใหญ่ อย่าง YAHOO ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเป็น search engine ที่ผู้คนทั่วโลกนิยมใช้มากที่สุดในขณะนี้
                ยามเมื่อคุณท่องเน็ต ถ้าคิดไม่ออก  หาอะไรไม่เจอ เคาะเข้าไปที่กูเกิ้ล รับรองว่า เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย
                เหลียวหลังย้อนรอยประวัติก่อตั้ง กูเกิ้ล  จุดเริ่มต้นพุ่งไปที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ที่กระทาชาย สองหนุ่มดันมาพบกันแบบฟ้าลิขิตคือSergey Brin (เซอร์เก บริน) ส่วนอีกคนคือLarry Page (ลาร์รี่ เพจ)  ที่เผอิญอยู่ในทัวร์ชมเมือง แล้วทั้งคู่ก็ถกเถียงกันเรื่องของผังเมือง สุดท้ายเถียงกันไป เถียงกันมา ยังหาผู้ชนะกันไม่ได้ เพราะ อัตตา แข็งแรงทั้งคู่  ก่อนแยกย้ายจากกัน
                สุดท้ายก็ต้องวนเวียนมาเจอกันอีก จนจับมือทำงานด้วยกัน โดยแนวคิดครั้งแรกที่ว่า อินเตอร์เน็ต คือกราฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มนุษย์เคยสร้างขึ้น เพราะฉะนั้นแต่ละจุดก็จะเชื่อมโยงต่อกัน โยงกันแบบมโหฬาร ในที่สุดก้ผุดทฤษฏีใหม่ขึ้นมาเรียกว่า ทฤษฏีถูหลัง
                ฟังชื่อทฤษฏีนี้แล้ว บรรดาชายติดอ่างทั้งหลาย เริ่มเคลิ้มอย่างไม่มีเหตุผล
                แต่ความจริงทฤษฏีนี้มีแนวคิดที่ว่า ถ้าเราเอาคนมานั่งเรียงแถวเดี่ยว  แล้วหันหน้ามองไปในทิศทางเดียวกัน  คนแรกถ้ามองไปข้างหน้าอย่างเดียว จะไม่มีทางรู้ว่า คนข้างหลังที่ถูหลังให้ เป็นใคร มาจากไหน  ดังนั้นต้องหาข้อมูลให้ได้ว่า ทั้งข้างหน้าและข้างหลังของเรา เป็นใคร มาจากไหน ในโลกอินเตอร์เน็ต
                เรื่องนี้ ต้องขออนุญาต มาเล่าคราวหน้า เพราะเป็นหนังเรื่องยาว อาจจะมีหลายภาคต่อเนื่อง
                เมื่อปีที่ผ่านมา  กูเกิ้ล เขาเอาสถิติของประโยคที่คนไทย เข้าไปค้นหามากที่สุดในรอบหนึ่งปีว่าคือประโยคใด   คำตอบคือประโยคที่คนไทยเข้าไปค้นหาเพื่ออ่านข้อมูลมากที่สุดคือ ประโยคที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ไม่ว่าจะเป็น ในหลวง ,เศรษฐกิจพอเพียง ,พระเจ้าแผ่นดิน ฯลฯ
          เห็นสถิติแล้ว ไม่ต้องอธิบายต่อว่าเพราะเหตุใด
                ส่วนประโยคอื่นยอดฮิตรองๆลงมาบ้างหละ มีอะไรบ้าง กูเกิ้ล เขาก็จับแยกประโยคอื่นๆ ที่คนไทยชอบเข้าไปค้นหาในเว็บกูเกิ้ล เช่นชื่อดาราที่คนไทยเข้าไปพิมพ์แล้วเคาะมากที่สุด  รางวัลเป็นของน้องแพนเค้ก  เขมนิจ  จามิกรณ์  ว่ากันว่าปีนี้น้องแพนเค้กมาแรงแซงทางโค้ง เนื่องจากหน้าตาของน้องแพนเค้ก นั้นกำลังอินเทรน
                จะให้ไปทางเกาหลีก็ได้  จะย้ายมาฝั่งอาหมวยก็ดี  เลือกได้2แบบ2สไตล์ ตามใจชอบ
                หลุดจากวงการบันเทิง ก็มาถึงหมวด สถานที่ กันบ้าง  ปีที่ผ่านมาชื่อสถานที่ที่คนไทยเข้าไปค้นหามากที่สุด คือคำว่า.......เชียงใหม่
                ปีนี้เชียงใหม่ กลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งประเทศ เพราะอานิสงส์ของ ลมหนาว ที่ปีนี้มาแบบ เร็ว และ แรง    ถูกใจนักท่องเที่ยว  โปรแกรมล่องใต้ ทั้งหลายโดนเปลี่ยนมาเป็นขึ้นดอย  กันเป็นแถว
                คนภูเขา  ปีนี้เลยมากเป็นพิเศษ  หลายจังหวัดพอรับเม็ดเงินที่เดินสะพัดกันแบบถล้มทลาย  เริ่มวางแผนล่วงหน้า ว่าปีหน้าต้องเตรียมให้พร้อมมากกว่านี้ ไม่ว่าสถานที่ ทำเล จุดชมวิว ห้องน้ำ ห้องท่า  เครื่องอำนวยความนสะดวก
                กะเก็งว่า จะพัฒนาให้เป็นประเพณีที่ว่า พอใกล้สิ้นปี ช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคม จะเป็นประเพณี แอ่วดอยของคนไทยทุกภาค
                ขึ้นดอย กลางเต๊นท์ นั่งดูดาว  สัมผัสไอหนาว  ของภูเขา ถ้าจะสร้างบรรยากาศอีกซักนิด หยิบซีดีของพี่หงาเพลงคนภูเขา มาเปิดฟังใกล้ๆหู
                ร้อยดาว ร้อยเดือนหล้า ร้อยเคียวมา เรียงเป็นวง
ร้อยใจ สายใยยาว กูเกี่ยวดาว  มาไว้ดิน 
แค่คิด ก็...ซึ้ง ...แฮ่ม
                                                                                                                กุนซือ

พลพรรครักวันเกิด 3/1/51



หลังจากร้องเพลง ซา-หวัด-ดี-วัน-ปี-ใหม่-พา ฯลฯ ก้าวขาเข้าปีหนู หยิบปฏิทินออกมากางอ่านดู ต้องร้อง  โอว....พระเจ้า   เพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 7 มกราคม ถือเป็น 7 วันอันตรายสำหรับผมอย่างแท้จริง
                ใครจะเชื่อว่าภายใน 7 วันนี้ ผมต้องไปร่วมงานวันเกิดของพี่น้องและผองเพื่อน รวมแล้ว 5 งานด้วยกัน
                5 งานใน 7 วัน ถือว่าเป็นสถิติใหม่ สำหรับคนชอบสังสรรค์ และรักงานบันเทิง
                งานวันเกิด ถ้าจะเปรียบเปรย ก็เหมือนกับ บุปเฟต์ฮอท พอท ที่ไม่มีการกำหนดเวลา  อยากกินนานแค่ไหนก็สามารถทำได้ ในแนวดำเนินสะดวก
                ว่ากันว่า งานวันเกิดเพื่อน ก็เหมือนวันที่เราสามารถ ตะโกนสั่งเมนูอาหาร ที่เราอยากกินมากที่สุดในชีวิตได้  โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว
                แถมยังสั่งได้ไม่อั้น ไม่ได้จำกัดแค่เมนูเดียว  เนื่องจากดำรงสถานะเป็นแขกของเจ้าภาพ  ดังนั้นความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี จึงตกหล่นอยู่แถวหน้าร้าน ไม่สามารถฝ่าด่านเข้ามาได้
                ผมเอง ด้วยความที่เป็นคนกินน้อย แต่เชียร์หนัก  ทุกงานเลี้ยงวันเกิด โรคจิตเริ่มกำเริบชอบดูความหายนะของเจ้าภาพ ประกอบกับเสียงเรอ ของเพื่อนๆ    ยามที่เจ้าภาพวันเกิด ทำหน้าเหมือนเห็นผี  แต่ความจริงคือบิลค่าใช้จ่าย  เป็นความสุขที่บ่งบอกได้ยาก
                วิธีการแนะนำการถล่มเจ้าภาพ อย่างถูกวิธีนั้น  ต้องใช้ทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ  อันดับแรกต้องเน้นทางด้านคุณภาพเอาไว้ก่อน  เวลาเปิดเมนู เลือกอาหาร  ให้ทิ้งสายตาทั้งหมดไปที่ด้านขวาของเมนู อย่างเดียว 
                เน้นราคาเป็นที่ตั้ง  เพราะคติที่ว่าของดี ต้องแพงยังใช้ได้เสมอ  เลือกราคาด้านขวาที่แพงที่สุด แล้วสั่งอย่างไม่ลังเล  รับรองว่าอย่างน้อยต้องมีของดีๆ ผ่านกระเพาะแน่นอน 
                วันพุธที่ผ่าน  ผมไปงานวันเกิดรุ่นพี  เจ้าของลายเซ็นในวงการพระเครื่อง  ล้าน  พระสิงห์
                เช่นเคย  งานนี้พลพรรครักงานวันเกิด ไปกันอย่างพร้อมเพียง  โดยมีเป้าหมายหลัก คือให้พี่ล้าน  สนุกสนาน  พร้อมกับเริ่มพิธีถล่มประจำปี  ส่วนของขวัญสำหรับพี่ล้านนั้น  ทุกคนพร้อมใจโหวตเสียงว่าแล้วแต่ศรัทธา ใครจะซื้อให้แกก็ได้  ไม่ซื้อก็ดี
                ใครถามผมเรื่องของขวัญวันเกิด  ผมมีคำตอบสั้นๆได้ใจความว่าไม่มีนโยบาย
                เป้าหมายที่ทุกคนหวังไว้คือ เห็นสภาพที่พี่ล้าน สะบัดหน้า ทำหน้าเป็นแมวป่วย  ยามเมื่อเห็นตัวเลขค่าใช้จ่าย  แต่ละคนเริ่มกระเหี้ยนกระหือ เหมือนนักรบกำลังจะออกศึก
                นักพยากรณ์ทั้งหลายฟันธงไปทิศทางเดียวกันว่า งานนี้  พี่ล้าน ไม่ตายก็ป่วยใหญ่
          อย่างน้อยๆ หลังจากเลี้ยงวันเกิด  อาจจะเก็บตัวเงียบซักเดือน  เพราะเงินหมุนสะพัด หายวับไปกับสายลม
                แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า  งานนี้ภาษามวยเขาบอกว่ากระดูกมีจริง  ด้วยความอาวุโสกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมมีทางหนีทีไล่ และอ่านเกมทะลุปรุโปร่ง  พี่ล้านดำเนินแผน ใช้ความอายในกมลสันดาน ของแต่ละคนมาเป็นตัวช่วย
                เวลาใครเดินเข้ามาร่วมงานวันเกิด  พี่ล้านจะแจกของขวัญให้ทุกๆคน  นัยว่า ทุกท่านไม่ต้องละอาย  ไม่ต้องซื้อของขวัญให้ผมก็ได้  แต่ผมจะให้แทน เป็นการสวนกระแสงานวันเกิดแบบไทยๆอย่างแท้จริง
                ทุกคนเริ่มทำหน้า แมวสงสัย  กระซิบถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น   ทำอย่างนี้มีอายเหมือนกันนะเนี่ย
          ความละอายใต้จิตสำนึก  เริ่มทำงาน  งานถล่มเจ้าภาพเปลี่ยนธีม ไปในทันที 
                แต่ละคนเริ่มกินกันแบบ  คนละเล็ก  ละน้อย แถมยังใช้สอยประหยัด
                งานนั้น ตัวเลขค่าใช้จ่ายออกมา  ทำให้ประชาชีได้แต่มองหน้ากัน  โดยมีพี่ล้านนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ
                งานนี้ ถือว่าพลพรรครักงานถล่ม  เสียฟอร์มโดยถ้วนหน้า
          ประสบการณ์มีไว้เพื่อเรียนรู้  ทุกคนทิ้งความผิดหวังไว้ข้างหลัง  เพ่งสายตาไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น  เพราะเสาร์-อาทิตย์ นี้ มีงานวันเกิดรอให้ทำงานอยู่อีก 2 งาน
 คราวนี้ถ้าพลาดอีก อาจจะต้องมีการสลายชมรมคนรักงานวันเกิดอย่างแท้จริง
                                                                                                                กุนซือ