วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เติมไฟทำงาน 13/6/2548

ว่ากันว่าทำงานนานๆเข้า ยิ่งเป็นงานจำเจ ไฟในการทำงานมักจะมอดเร็วผิดปรกติ บางครั้งคนที่เริ่มรู้ตัวเองว่า เข้าข่ายทำงานแบบซังกะตาย  ก็ต้องเริ่มหันซ้าย มองขวาหาไฟเข้ามาเติม
                ผมเองใช้วิธีเติมไฟด้วยการคุยกับคนหนุ่มๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงไฟแรง  คนหนุ่มๆเหล่านี้ คิดเร็ว  ทำเร็ว กระฉับกระเฉง ไม่มียืดยาดอืดอาด
ดังนั้นต้องหาทางแบ่งปันออกมาบ้าง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างคนหนุ่มกับวัยรุ่นตอนปลายแบบผม
นั่งคุยกับ โจ๊กวิทวัส  แผ่นทอง รุ่นน้องที่กินเที่ยวกันมาหลายปี  มองเห็นความแตกต่างระหว่างวัยอย่างหนึ่ง  หนุ่มโจ๊ก จะพยายามมองหาโอกาสทำธุรกิจอยู่เสมอ เพราะสายตามองโลกใบนี้ มีโอกาสล่องลอยอยู่เต็มไปหมด
ถ้าไม่หยิบฉวย โอกาสเหล่านี้อาจจะหลุดลอยหายลับไปในอนาคต   
โจ๊กกลัวที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง  ในขณะที่ผมมีความสุขกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน มีน้อยใช้มาก มีมากใช้มาก ตอนนี้เลยกลายเป็นคนมีเครดิตสูงพอสมควร เพราะธนาคารให้เครดิตกู้ยืมมากมากไปหน่อย จนหนี้สินเริ่มบานไม่หุบไปเรื่อยๆ
วิธีการลงทุนก็น่าสนใจ เพราะการลงทุนแต่ละครั้งย่อมมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังถดถอย  พอหยิบเงินมาลงทุนเมื่อใด  ตัวขาดทุนเหมือนจะวิ่งมายืนรออยู่ที่หน้าประตู
ดังนั้นการลงทุนจะต้องรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง โจ๊ก เลือกใช้วิธีลงทุนโดยหลักเกณฑ์เขียนเอาไว้ว่า จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4
เศรษฐกิจจะเดี้ยงหรือไม่เดี้ยง ผู้คนก็ต้องหยิบเงินใช้บริโภคปัจจัย 4   ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงน้อยที่สุด และสามารถพลิกแพลงได้อีกในอนาคต
หลังจากทำธุรกิจมาหลายอย่าง ล่าสุดโจ๊กหันมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว โดยสูตรเด็ดเนื้อตุ๋นเป็นตัวชูโรง เลือกทำเลที่เป็นย่านที่อยู่ของนักศึกษา น้ำมันจะแพงหรือไม่แพงยังขาย 20 บาท พร้อมเสริฟน้ำชาอย่างดี...ฟรี
ถือคติขายมากๆกำไรจะตามมาเอง แต่ถ้าขายแพง ถ้าขายไม่ได้ ทั้งต้นทุนกับกำไรอาจจับมือบ๊ายบาย หายไปพร้อมกัน
เห็นแนวคิด เห็นความมุ่งมั่นแล้ว ไม่รู้เป็นอย่างไร ตาร้อนผ่าวตลอดเวลา
                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น