วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มาย ฮีโร่


มาย ฮีโร่
          คุณๆครับคนเราพอเกิดมาลืมตามองโลกร้องอุแว้ๆๆได้ ก็เริ่มจะมีการพัฒนา อายุได้มีกี่ขวบก็เริ่มจะมีฮีโร่ในใจ ส่วนใหญ่ฮีโร่คนแรกของมนุษย์ชาติ ก็คงจะหนีไม่พ้นคุณพ่อ นั่นเอง ไม่ต้องสงสัยว่าตอนเด็กๆเรามักจะเลียนแบบทำตามคุณพ่อ เพราะมีความรักเป็นพื้นฐาน
          พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มจะมีฮีโร่ คนที่สองคนที่สามตามมาเรื่อยๆ ฮีโร่ของคนบางคนก็เป็นนักกีฬา บางคนเป็นนักดนตรี บ้างเป็นจิตรกร และมีไม่น้อยที่เป็นนักขีดนักเขียน
          จำได้ว่าตอนเป็นเด็กชอบอ่านหนังสือมาก แต่ละวันเดินเข้าร้านเช่าหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นวนิยาย เรื่องแปล จนถึงนิยายกำลังภายใน เสียดายที่ตอนนั้นกระเป๋าตังค์ค่อนข้างจะเบา ไม่มีวัตถุปัจจัยบรรจุอยู่มากนัก ไม่อย่างนั้นจะซื้อหนังสือหนังหาเก็บเอาไว้ให้มากๆ เพราะเห็นราคาหนังสือที่วางขายตามร้านหนังสือแล้วอยากร้องให้ ใจก็อยากซื้อแทบขาด พอมองเห็นป้ายราคาจำใจต้องเบือนหน้าหนีเนื่องจากแพงเหลือหลาย
          อ่านหนังสือมาหลายประเภท แต่มีนักเขียนที่เป็นอีไร่อยู่ไม่กี่คน ถ้ามีคนยื่นปากกาบอกให้เขียนนักเขียนที่ชอบมากที่สุดมาสองหนึ่ง ไทยหนึ่งเทศหนึ่ง  เขียนออกมาได้ว่าต่างแดนผมขอซูฮกให้กับมังกรโบราณไกวเล้ง ส่วนเมืองไทยไม่มีข้อสงสัยในใจมาย ฮีโร่ของผมคือ คุณแสงชัย  สุนทรวัฒน์
          จำได้ว่าเมื่อ 4 ปีก่อนวันสงกรานต์เพียงหนึ่งวัน พี่เขยผมวิ่งเข้ามาเขย่าตัวบอกว่าเมื่อคืนแสงชัย ถูกยิงตาย หัวสมองตอนนั้นตื้อไปหมด ใจหายวาบ บอกได้แต่ว่าทำไมคนดีๆในเมืองไทยมักจะอายุสั้นแบบนี้
          ผมเริ่มอ่านคอลัมน์ โลกสีเขียว ของคุณแสงชัย ในหน้าสองของไทยรัฐตั้งแต่ยังเด็ก อ่านครั้งแรกก็ติดใจ ตามอ่านมาเรื่อยๆหลายปี บอกได้ว่าเสน่ห์ของการเขียนอยู่ที่ เป็นเรื่องความรู้รอบตัว ที่แสงชัยเคี่ยวมาจากประสพการณ์หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาหลายสิบปี
          วิธีการเขียนที่สามารถเขียนเรื่องยากๆมาให้คนสมองทื่อๆแบบกุนซือ อ่านดูเป็นเรื่องง่ายๆนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของงานเขียนของแสงชัย  สุนทรวัฒน์  ผมเองหลังจากปวารณาตัวเองเป็นแฟนคอลัมน์อย่างเหนียวแน่น ตั้งความหวังว่าถ้ามีโอกาสได้มีงานเขียนบ้าง ขอเขียนได้แค่ครึ่งของแสงชัย  สุทรวัฒน์  โดยส่วนตัวถือว่าประสพความสำเร็จ
          หลายปีที่ผ่านมางานเขียนของแสงชัย ถูกทำลายลงด้วยเสียงปืนเพียงนัดเดียว ด้วยฝีมือของสุนัขลอบกัด แต่ตอนนี้แต่ละคนต่างก็ได้รับผลกรรมโดยถ้วนหน้า บ้างก็เสียชีวิตเนื่องจากเหตุฆาตกรรม บ้างก็ต้องชดใช้ความผิดในคุก ต่างเวรต่างกรรมกันไป
          เหลืออยู่ก็นายวิศิษฐ์ พึ่งรัศมี ที่ตำรวจพึ่งรวบตัวได้ ได้แต่ภาวนาให้ตำรวจสะสางคดี มาความจริงของคดีนี้มาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับรู้ ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร
          เงยหน้ามองฟ้า ได้แต่กระซิบบอกคุณแสงชัยว่าผมเชื่อเรื่อง กฏแห่งกรรมครับผม
                                                                   กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น