วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นิทานสี่ล้อแดง



                เชียงใหม่เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ  มีคนเคยเปรียบเปรยว่าภาคเหนือมีลำปางเป็นโรงงานผู้ผลิต เชียงใหม่เป็นบริษัทแม่  ส่วนเชียงรายกับแม่ฮ่องสอนเป็นนายหน้าติดต่อกับลูกค้าต่างประเทศ เพื่อส่งสินค้าในภาคเหนือไปต่างแ ดน
                แต่ในความเป็นจริงเชียงใหม่ ยังมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของจังหวัดมาช้านาน  สังเกตนักเที่ยวคนไทย เวลามีวันหยุดยาวๆ หรือเข้าช่วงไฮซีซั่น โปรแกรมส่วนใหญ่  ถ้าไม่ขึ้นเหนือมาเชียงใหม่ ก็ต้องลงใต้ไปภูเก็ต
                ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเชียงใหม่จึงมีความสำคัญที่ต้องรักษาไว้  เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักเที่ยวไทย-เทศ ให้ตั้งเข็มทิศมุ่งเข้ามาท่องเที่ยว  เพราะเมื่อมีนักท่องเที่ยวหอบเงินเข้ามาใช้จ่ายในเมืองเชียงใหม่  เม็ดเงินเหล่านี้ก็จะสะพัดออกไปทั่วเมือง  คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆก็คือคนเชียงใหม่นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า เจ้าของบริษัททัวร์  โรงแรม  คนขับตุ๊กๆ   อาซิ้ม อาม่า อาเฮีย อาแป๊ะ สมควร สมชาย ฯลฯ
                แต่ในทางกลับกัน  ถ้าบางคนโลภ มุ่งแต่จะตักตวง ก็จะทำลายภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ โดยไม่รู้ตัว ทำให้นักท่องเที่ยวกระซิบปากต่อปาก ว่าเชียงใหม่ไม่สวย เพราะคนเชียงใหม่ทำให้ไม่สวย 
                เชื่อหรือไม่ครับว่า บรรดาสองแถวกับรถตุ๊กๆ ที่วิ่งกันขวักไขว่ในเมืองเชียงใหม่นั้น โดนผู้คนร้องเรียนกันมานาน ว่าหามาตรฐานในด้านราคาไม่ได้  ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่น หรือชาวต่างชาติ มักจะโดนโก่งราคาอยู่เสมอๆ  จนบางครั้งนักท่องเที่ยวพากันเอือมระอา  หลังจากรู้ความจริงจากคนในพื้นที่ว่าราคาค่าโดยสารที่จ่ายไปนั้น แพงกว่าความเป็นจริงหลายเท่า
                รุ่นน้องผมคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เคยโบกรถสามล้อตุ๊กๆคันหนึ่ง ตอนตี่หนึ่ง เพื่อกลับบ้าน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร  อัตราราคาที่คนขับตุ๊กๆบอกมาคือ 300 บาท ฟังแล้วแทบหงายหลัง นึกว่าอยู่กลางกรุงลอนดอนหรือว่าปารีส 
                ทนายต้นรชต  เดชะปราบต์ เพื่อนผม สมัยตอนเป็นเด็กนักศึกษา ด้วยความที่เป็นคนขี้เล่น วันหนึ่งต้นนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพกลับมาเชียงใหม่  พอถึงท่ารถอาเขต  ต้นทดสอบทฤษฎีสำเนียงบอกราคา  แกล้งพูดสำเนียงว่าฉันเป็นคนเมืองกรุง  ไม่รู้อัตราค่าโดยสารสี่ล้อแดงในสมัยนั้น ที่คงที่อยู่ที่คนละ 5 บาทขาดตัวถ้าวิ่งส่งในตัวเมือง
                ไปสันป่าข่อย  เท่าไหร่ครับ  เหมือนมีคนโยนเหยื่อเข้ามาปากฉลาม  คนขับสองแถวนึ่งไปครู่หนึ่ง พร้อมสมองก็คิดราคาว่าฉันจะบวกเพิ่มเท่าไหร่  กลับตอบกลับมาอย่างใจเย็นว่า 30 บาทแล้วกัน
                ถ้าต้นเป็นเหยื่อที่โดนฉลามงับ  ฉลามตัวนั้นก็ต้องโดนฉลามวาฬฮุบเข้าอีกที  ทนายต้นเปลี่ยนสำเนียงเป็นคนเชียงใหม่โดยทันที เพื่อให้คนขับสี่ล้อแดงคนนั้นหน้าแตกซึ่งหน้า
                โค๊ะ  ไปต่าแปบ่ดาย เอาตึงสามสิบบาทก่อน  ห้าบาทก่อปอก่า
                สองแถวโชคร้ายคนนั้นได้แต่กลืนเลือดแล้วพยักหน้ายอมรับอย่างแค้นเคือง
                มีคนเคยเล่านิทานทำนองนี่ให้ฟังอีกเรื่อง ฟังแล้วต้องอมยิ้มไปด้วย  เรื่องเล่าว่า ฝรั่งนายหนึ่งสะพายเป้ ลงจากรถทัวร์ที่อาเขต  มีสองแถวคนหนึ่งวิ่งไร่ไปรับ  ถามฝรั่งว่าWhere are you go?
          ฝรั่งตอบสั้นๆว่าท่าแพ  พร้อมถามกลับว่า” How  much”
                200 บาท  ฝรั่งพยักหน้า โยนเป้ขึ้นรถ  คนขับสองแถวยิ้มกริ่ม ลาภลอยมาแบบไม่รู้ตัว  แต่ด้วยระยะทางจากอาเขตมาท่าแพ เป็นระยะทางที่สั้นๆ  คนขับก็หวั่นว่า เหยื่อต่างชาติจะรู้ไต๋ ว่าตัวเองโก่งราคา 
                ดังนั้นเพื่อราคานี้เนียนมากขึ้น  คนขับเลยต้องขับรถอ้อมไปจากอาเขต  ออกซุปเปอร์ไฮเวย์ ผ่านแยกสนามบิน  เข้าคูเมือง อ้อมกลับมาตลาดวโรรส  แล้วมาจบที่ท่าแพ  เพื่อให้ต่างชาติรู้ว่า 200 บาทเนี่ย  ไกลเหมือนกันนะเฟ้ย
                รถจอดสนิท  ฝรั่งเดินลงมาจ่ายตังค์  ควักแบงก์ร้อยให้ 2 ใบ พร้อมตบหัวคนขับสองแถวเสียงดังเปรี้ยง
                ก่อนหลุดประโยคอมตะ ถึงสาเหตุที่ต้องตบหัวว่า
                แล้ว เมิงขับอ้อม ทามมายยยย
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น