วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ตุ๊ก 50 ประก๋านของคนเมือง


1.  ก้างปักเหงียก                        ก้างปลาปักเหงือก
2. 
เกียกขบตี๋น                     รองเท้ากัด
3. 
จิ้นขำเขี้ยว                      เศษเนื้อติดฟัน
4.  ไค่เยี่ยวบนรถ                   ปวดฉี่บนรถ
5. 
มดขบต๋า                        มดกัดตา
6. 
ขาเป็นตะคริว                   ขาเป็นตะคริว
7. 
สิวออกในฮุดัง                  สิวขึ้นในรูจมูก
8. 
คันหลังเก๋าบ่สุด                คันหลังเกาไม่ถึง
9. 
มุดฮั้วลวดหนาม                มุดรั้วลวดหนาม
10.จ๋ามในห้องแอร์                 จามในห้องแอร์
11.เหม็นขี้แฮ้ในลิฟท์                 เหม็นจักแร้ในลิฟท์
12.
รูดซิบติดหำ                         รูดซิบติด....
13.
ยกจ๋ำขึ้นบะได้                     ยกยอ(ตกปลา)ขึ้นไม่ได้
14.
ไค่ให้ไค่หุย                        อยากกรี๊ดและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
15.
โดนหละกุยยอกแก่นต๋า        โดนหมัดเข้าที่เบ้าลูกตา
16.
เซาะหาผัวบะเจอ                 ตามหาผัวไม่เจอ
17.
เมียเผลอเซาะมีกิ๊ก              เมียเผลอไปมีกิ๊ก
18.
ต๋ำน้ำพริกปอบะแหลว          ตำน้ำพริกไม่ละเอียด
19.
อู้หยั่งแม้วหยั่งกับยาง          พูดจาราวกับแม้ว&กระเหรี่ยง
20.
ขางผัวอยู่ตึงวัน                  หวงสามีอยู่ได้ทุกวัน
21.
อันนั้นสั้นล้ำไป                   อันนั้นน่ะ...สั้นไปหน่อย
22.
มีไข่แก่นเดียว                    มีไข่...ใบเดียว(ทองแดง)
23.
บ่าเสียวมีเซ็กซ์                  ....กามตายด้าน
24.
ต๋าเก๊กสองข้าง                  ตาเหล่ทั้งสองข้าง
25.ป๋ายกางเป๋นฝี                   ปลายคางเป็นฝี
26.
ป๋าย he เป๋นตุ่ม                 ปลาย.....เป็นตุ่ม
27.
ตุ้ยอุ้มลุ้มอุ้บ่าฉ๊ะ                ตุ้ยนุ้ยอ้วนเกินเอา (มั้ง)
28.
เมียละผัวหนี                     เมียไม่สนใจผัวเลยหนี
29.
ทีวีโดนลัก                         ทีวีโดนขโมย
30.
ผีตั๊กต๋อนค่ำ                     เจอผีทักตอนค่ำๆ
31.
มดง่ามขบจู๋                     อันนี้เข้าใจเนอะ....
32.
หูเป๋นน้ำหนวก                 หูเป็นน้ำหนวก
33.
เมียสวกตบหงีบ               เมียดุตบ(บ้อง)เข้ากกหู
34.
ผัวถีบตกรถ                     อันนี้ไม่ต้องแปล
35.
เก็บกดแม่เมียด่า              อันนี้ก้อไม่ต้องแปล
36.
ขี้หมาติ๊ดเกิบ                   ขี้หมาติดรองเท้า
37.ต่าวอวบเติ๊บเปิ๊บก๋างห้าง    สะดุดลื่นล้มกลางห้าง
38.
อารมณ์ค้างผัวเสร็จเวอย     อารมณ์ค้างผัวเสร็จเร็ว(นกกระจอก......จิ๊บๆๆ)
39.
เม่อยไข้ทับระดู                 เมื่อยเป็นไข้ทับฤดู
40.
ฮูบ่กระชับ                       ตรง ๆ เชียว (อันนั้น...เมียมันหลวมนะก่ะ)

41.โดนยับใบขับขี่                 โดนจับปรับใบขับขี่
42.
ไค่ขี้ต๋อนกิ๋นเข้า                ปวดขรี้ตอนกำลังกินข้าว
43.
ฮักเมาแม่เฮือนหนุ่ม          แอบหลงรักเมียสาวชาวบ้าน(เมียเขา)
44.
ไอ่ลุ่มบ่อไค่แข็งแรง          อัน...ตรงข้างล่างไม่ค่อยแข็งแรง
45.
เหม็นแมงแกงติดหัว        เหม็นแมลงแกง (แมลงชนิดนึงมีกลิ่นเหม็น) ติดที่หัว
46.ผัวบะนอนตวย                สามีไม่นอนด้วย
47.
ซื้อหวยก่อบะถูก              ซื้อหวยก็ไม่ถูก
48.
ขี้มูกกาฮุดัง                    ขี้มูกคาจมูก
49.
เป๋นสังคังติดเก๊าขา         เป็นสังคังที่โคนขา
50.
สาบขี้หมาในรถ                     เหม็นขี้หมาในรถ

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ฮาลาล 12/9/54




            ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปเยือน  สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จและได้พบปะกัย ดร. ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน  ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย   และได้จับเข่าคุยกันถึงถึงแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีด้านต่างๆ  ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง  การเมืองและวัฒนธรรม      หนึ่งในหัวข้อที่หยิบยกมาพูดคุยกันคือจะผลักดันให้ลงนามความตกลงทางการค้า ระหว่างกันในอนาคตอันใกล้เพื่อร่วมมือด้านอุตสาหกรรมฮาลาล ส่งสินค้าอาหารไทยตราฮาลาล มากขึ้น
      คุณๆครับ  อุตสาหกรรมฮาลาล นั้นอย่ามองข้ามเป็นอันขาดครับ เพราะมีเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลซ่อนอยู่ตรงนี้
      ทุก วันนี้ชาวมุสลิมกระจายอยู่ทั่วโลกประมาณ 1,800 ล้านคน รวมตัวเป็นองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference : OIC) มีประเทศสมาชิก 55 ประเทศ คนกลุ่มนี้บริโภคอาหารมากกว่าปีละ 3 ล้านล้านบาท และจะกินเฉพาะอาหาร "ฮาลาล" (HALAL) เท่านั้น ทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับการผลิตและให้มาตรฐานอาหารฮาลาลในระดับสากล ผู้ที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารสำหรับมุสลิมจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ปฏิบัติให้ถูกหลักบัญญัติอิสลามอย่างเคร่งครัด
     คนที่ไม่ ใช่มุสลิมอาจเกิดความสงสัยเกี่ยวกับอาหารของมุสลิมว่าคืออะไร เพราะบางครั้งได้ยินคนเรียกว่าอาหารมุสลิมบ้าง อาหารฮาลาลบ้าง อาหารอิสลามบ้าง อาหารทั้ง 3 ชื่อนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
    ก่อนอื่นต้องบอกให้ทราบว่า คำว่า “อาหารอิสลาม” นั้นเขาไม่เรียกกัน เพราะอิสลามเป็นชื่อศาสนา ต้องเรียกว่า “อาหารมุสลิม” จึงจะถูกต้อง
    ส่วน “อาหารมุสลิม” คนที่จะปรุงอาหารประเภทนี้ต้องเป็นคนมุสลิมเท่านั้น ที่สำคัญต้องปรุงให้ถูกต้องตามหลักบัญญัติอิสลาม  ไม่ขัดต่อบัญญัติอิสลาม และยังต้องมีวิธีการปรุงที่สะอาด รวมทั้งส่วนผสมก็ต้องสะอาด ไม่เน่า หรือไม่ส่อว่าอาจมีเชื้อโรค เพราะหลักการอิสลามอนุมัติให้มุสลิมบริโภคสิ่งที่ "อนุมัติ และสภาพดีมีคุณค่า" เช่น เนื้อสัตว์ต้องได้รับการเชือดโดยมุสลิม มีการกล่าวพระนามของพระผู้เป็นเจ้าขณะเชือด มีวิธีการเชือดถูกต้องตามหลักการอิสลาม คือ เชือดเส้นเลือดใหญ่ที่คอให้สัตว์นั้นตายทันทีโดยไม่ทรมาน
    นอก จากนั้น อาหารมุสลิมต้องไม่ขัดต่อบัญญัติอิสลาม คือ ไม่มีส่วนผสมที่ต้องห้าม เช่น เนื้อหมู น้ำมันหมู หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากหมู รวมถึงเลือดสัตว์ไม่ว่าชนิดใด อาหารที่มาจากพืชที่มีพิษและเป็นอันตรายทุกชนิด และอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือมีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายและ เป็นพิษ เป็นต้น
    มาถึงคำว่า "อาหารฮาลาล" หมายถึง อาหารที่ได้ผ่านกรรมวิธีในการทำ ผสม ปรุง ประกอบ หรือแปรสภาพ ตามบัญญัติอิสลามที่กล่าวมาโดยสังเขปข้างต้นทุกประการ และต้องได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ออก เครื่องหมายรับรอง หรือออกหนังสือรับรองตามกฎหมาย เพื่อเป็นการรับประกันว่า ชาวมุสลิมโดยทั่วไปสามารถบริโภคอาหาร หรืออุปโภคสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้โดยสนิทใจ ซึ่งใครจะเป็นผู้ผลิตหรือปรุง "อาหารฮาลาล" ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมุสลิม
    วกกลับมาพูดถึงเมืองไทยของเราบ้าง ประเทศไทยนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ของการผลิตการเกษตรและอาหารที่สำคัญมาตั้งแต่ในอดีต ส่งผลให้ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลก โดยแต่ละปีส่งออกอาหารเป็นมูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 14 ของโลก
     นอกจากนั้นรัฐบาลยังได้กำหนดให้นโยบายครัวโลกเป็นนโยบายที่สำคัญของประเทศ ในขณะที่อาหารฮาลาลซึ่งเป็นอาหารที่ชาวมุสลิมสามารถบริโภคได้อย่างถูกต้อง ตามหลักศาสนา อิสลาม ก็เป็นผลิตภัณฑ์อาหารส่งออกที่สำคัญของไทย

       ซึ่งมีศักยภาพทางการตลาดโดยประชากรมุสลิมทั่วโลก จำนวน 1,800 ล้านคน หรือ ร้อยละ 25 ของประชากรโลกมีการบริโภคอาหารฮาลาล เป็นมูลค่าปีละประมาณ 150,000-200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
      ในขณะที่ประเทศไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลได้เพียงปีละ 275 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 0.18 ของมูลค่าอาหาร ฮาลาลของโลกเท่านั้น จึงนับเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไทยยังมีศักยภาพในการขยายตลาดในต่างประเทศได้ อีก
    ในขณะเดียวกันพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งมีชาวมุสลิมเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ยังมีความยากจน แต่มีศักยภาพในการผลิตอาหารฮาลาล โดยมีวัตถุดิบอาหารทะเลและผักผลไม้ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถพัฒนาเป็นฐานการผลิตอาหารฮาลาลที่สำคัญ เพื่อสร้างรายได้และการมีงานทำให้ประชาชนในภาคใต้ได้

         รัฐจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้และกลุ่มจังหวัดชายแดนภาค ใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งกลวิธีที่สำคัญได้แก่ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล การพัฒนาวัตถุดิบ มาตรฐานและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างครบวงจร
      ถ้าวันนี้เมืองไทย ตั้งเข็มทิศว่าขอขึ้นแท่นเป็น"ครัวโลก"ให้ได้แล้วละก้อ ผมว่าอุตฯอาหารฮาลาล นี่แหละครับจะเป็นเสาเข็ม เสาหลักอย่างหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในอนาคตอย่างมากมาย มหาศาล