วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รักและกำลังใจ ตอนที่ 2 31/11/2550



                เย็นวันที่ 30 ตุลาคม 2550  ผมได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวเศร้า  ข่าวการเสียชีวิตของเพื่อนสมัยเรียน ตั้งแต่ยังเด็กที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์  วิทยาลัย หมอตอไม้ ฐปณัฐ  สมศักดิ์  รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝาง  หมอตอไม้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ที่รุมเร้ามานาน
                นานพอที่เพื่อนผมคนนี้ ทำใจและวางแผนอนาคตให้กับครอบครัว เมื่อไม่มีเขาอยู่
                ผมกับเพื่อนๆเช่ารถตู้ บึ่งไปอำเภอฝางตอนเย็นของวันถัดมา เพื่อเข้าร่วมพิธีเคารพศพ  นึกถึงภาพของเพื่อนสมัยตอนเป็นเด็กวิ่งเล่นกันในสนามฟุตบอลของโรงเรียน 
                บางคนเกิดมา ก็หัวดีมาตั้งแรกเริ่ม  หมอตอไม้ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลจำนวนนั้น จำได้ว่าสมัยเป็นเด็กเพื่อนผมคนนี้ ดูๆแล้วเหมือนไม่ค่อยตั้งใจเรียนมากมายนัก เหมือนเด็กๆทั่วไปสนุกสนานกับการเล่นกับเพื่อน  ไม่มีวี่แววเด็กเรียนส่อมาให้เห็น  แต่เวลาประกาศผลสอบออกมาเมื่อไหร่  หมอตอไม้ไม่เคยหลุดจากอันดับต้นๆของห้อง
                ตั้งแต่เรียนจบ ไม่ได้เจอกันหลายสิบปี  มารู้ว่าอีกทีก็ตอนเพื่อนๆบอกเล่าว่า เขาเป็นมะเร็ง  และกำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้อยู่  เพื่อนฝูงบางคนที่ไปเจอะเจอกับตอไม้บอกว่า ถึงรู้ว่าจะเป็นมะเร็งแต่เพื่อนกำลังใจยังดีเยี่ยม 
                สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ กำลังใจของคนครอบครัวทั้งเมียและลูก  ที่ช่วยให้ชีวิตเขาผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ได้
          นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของคำว่าความรัก
                ผมเห็นแววตาเศร้าหมอง กระจายอยู่บนดวงตาทั้งสองข้าง ไม่ว่าจะเป็นภรรยา หรือลูกๆของหมอตอไม้ แต่เบื้องหลังที่ดวงตาที่เศร้าสร้อยนั้น แฝงไว้ด้วยแววตาที่เข้มแข็ง  ที่ต้องสู้ต่อไปบนโลกใบนี้  อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้ในความรู้สึกของผู้สูญเสีย  คือถึงแม้ว่าเพื่อนผมจะจากโลกใบนี้ไปแล้ว  แต่ความจริงที่ปรากฏตามมาคือ
                หมอตอไม้ยังเป็นฮีไร่สำหรับภรรยา และลูกๆ ตลอดเวลาไม่ว่าตอนนี้ หรือว่าตอนไหน
                ในบรรดาเพื่อนที่เรียนกันมาตั้งแต่เด็กทั้งหมด  เพื่อนที่โดนโรคร้ายมะเร็ง เล่นงานทั้งหมดมีอยู่ 3 คน
                แจ๊คเป็นหนึ่งในสาม  ที่เป็นมะเร็ง  อาการมะเร็งของแจ๊คอยู่ในขั้นที่คุรหมอบอกว่าอยู่ในขั้นรักษาไม่ได้แล้ว    ใครฟังประโยคนี้เสร็จ ถ้าไม่เป็นลม อย่างน้อยก็ต้องเข่าทรุด
                แต่แจ๊ค  ยืนรับคำวินิจฉัยของหมอ แล้วเดินหน้าสู้ชีวิตต่อ  งานศพหมอตอไม้ แจ๊ค ก็เดินทางร่วมไปกับผม  ใบหน้ายังมีรอยยิ้มให้เพื่อนเห็นเป็นประจำ  ไม่เคยบ่นท้อกับโชคชะตาชีวิต ที่ลิขิตให้เป็นแบบนี้ 
                หลายคนเดาว่า ในใจแจ๊ค ต้องคิดบางอย่างอยู่ เพราะเพื่อนที่จากไป นั้นมีมะเร็งเป็นตัวพราก
          เป็นความเหมือน  ที่บางคนอาจจะเปรียบเทียบได้
                แต่ตั้งแต่เดินทางจากอ.เมือง ไปถึง ฝาง  และเดินทางกลับในค่ำคืนเดียวกัน  ใช้เวลาหลายชั่วโมง  แจ๊คยังไม่มีอาการวิตกจริตให้เพื่อนๆ เห็น
          แจ๊ค เลยเล่าให้ฟังว่า ที่เขาเก็บอาการได้  เพราะปลง  หลังจากรักษามะเร็งอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งคุณหมอที่รักษาบอกผลการรักษา   กลับบ้านมานอนคิดมาจนระดับหนึ่ง ก็ได้บทสรุปว่าอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด  เพราะฉะนั้นทำวันนี้ให้มีความสุข  โดยไม่ต้องมองอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
          เปลี่ยนโลกทั้งใบ  ให้สดใสอยู่ตลอดเวลา
                วิธีคิด แบบนี้ได้  ต้องอาศัยกำลังใจที่เข้มแข็ง มากกว่าคนปรกติ
                ถ้าจิตไม่แข็ง  รับรองว่าคิดไม่ออกแน่นอน
                ถ้าหมอตอไม้มีความรักของครอบครัวเป็นตัวช่วยให้ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายในช่วงที่ผ่านมา    นาทีนี้กำลังใจของเพื่อนทุกคน ก็หลั่งไหลเทเข้ามา  วางลงตรงหน้าให้แจ๊ค หยิบใช้ได้เต็มที่ แบบไม่มีหมด
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น