วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยู่อย่างเต๋า


อยู่อย่างเต๋า
                มีคนเปรียบเทียบประเทศไทยตอนนี้ เหมือนกับบ้านหลังหนึ่ง พ่อ แม่ มีลูก 3 คน ลูกคนโตเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่กล้าแสดงออก  ลูกคนกลางใส่เสื้อเหลือง ลูกคนสุดท้องใส่เสื้อสีแดง วันๆเอาแต่ทะเลาะ ชกต่อยกัน จนคนในบ้านหาความสุขไม่ได้
                ปากก็บอกว่า รักพ่อๆๆๆ  แต่เจอหน้ากันเมื่อไหร่ ก็ควงหมัด ควงศอกใส่กันมีหยุดยั้ง ไม่เคยมองเห็นว่า พ่อที่ทั้งคู่บอกว่ารักและเทิดทูนนั้น แอบร้องให้อยู่ทุกวัน
                ชาวบ้านชาวช่อง ต่างก็หาวิธีที่จะให้ พี่น้องคู่นี้หยุดทะเลาะกัน คิดกันจนปวดหัว แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมซึ่งกันและกัน แต่ละวันยังท่องคาถา หันหน้าคนละทาง  หาดาวคนละดวง
                ถ้ามาถามผมว่าจะทำอย่างไร ผมว่าอารมณ์ของพี่น้องคู่นี้ ต้องใช้ธรรมชาติบำบัดครับ เพราะเชื่อได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อคนเรากลับเข้าไปหาธรรมชาติ ก็จะทำให้จิตใจสงบขึ้น มีความคิดมากขึ้น มองตรรกะได้ละเอียดมากกว่าเดิม ไม่ใช่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง แล้วนำมาตัดสินใจทันที ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าประโยชน์
            ลองเอาคนที่เครียด ว้าวุ่น หาหาทางในชีวิตไม่ออก ลองมาใช้ชีวิตในแนวลัทธิเต๋า ของจีนดูบ้าง
                เรียกว่า กินอย่างเต๋า อยู่อย่างเต๋า บางที คนสองกลุ่มนี้อาจจะสงบลงได้บ้าง
                ถ้าจะให้นิยามลัทธิเต๋าว่า คืออะไร  อาจจะอธิบายได้ง่ายๆว่า คือ การรักษาจิตให้บริสุทธิ์ คือ การเข้าถึงตัวตนภายในอันเป็นความรู้ที่ประเสริฐยิ่งกว่าการแสวงหามากเท่าใดก็ยิ่งรู้น้อยเท่านั้น
            เพราะจิตยิ่งพอกพูนกิเลสมากขึ้น ความอยาก ความต้องการและความยึดถือก็ทวีขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดมนุษย์ต้องตกเป็นทาสและถูกทำลายเพราะอวิชชานี้ ด้วยเหตุนี้นักปราชญ์เต๋า ก็คือผู้รู้แจ้ง ความรู้ภายในจึงสามารถสลัด ละ ปล่อยวางกิเลสตัณหาและหมด ซึ่งความยึดถือยึดติดในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
                 เราอาจสรุปได้ว่าคำสอนของเต๋ามุ่งให้บุคคลเข้าสู่สาระแห่งแก่นแท้โดยตรง โดยละความยึดถือมั่นในสิ่งทั้งปวง เป็นผู้อยู่พ้นจากความสงสัย ไปพ้นจากการแบ่งแยก ไม่ให้คุณค่าแก่สิ่งที่คนส่วนมากยึดถือ
            ย้อนรอยไปเมื่ออดีต จะเห็นได้ว่า วิวัฒนาการของลัทธิเต๋ายังคงมีอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ปัจจุบันนี้ถ้าเราศึกษาคำสอนในลัทธิเต๋า เราอาจจะแปลกใจที่เห็นคำสอนในพุทธศาสนาหลายเรื่องได้เข้าไปแทรกอยู่ทั้งนี้อาจเป็นผลสืบเนื่องมาแต่อดีตในยุคสมัยที่พุทธศาสนามหายานได้เข้าไปเผยแพร่ในจีน
                ลัทธิเต๋ามีส่วนอย่างมากที่ช่วยตีความคำสอนในพุทธศาสนาเป็นภาษาจีน และชาวพุทธอินเดียที่เข้าไปเผยแพร่ศาสนาในจีน ซึ่งอาจจะมีปัญหาในเรื่องภาษา ได้ใช้วิธียืมคำบางคำของเต๋ามาช่วยในการอธิบายแนวคิดของพุทธศาสนา ยิ่งนานวันเท่าใดอิทธิพลของพุทธศาสนาก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อลัทธิเต๋ามากขึ้น
             ถ้าเราสังเกตให้ดีจะเห็นว่าไม่เพียงแต่ในด้านคำสอนเท่านั้น แม้แต่รูปแบบความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ก็ถูกนำไปปรับปรุงใช้จนกระทั่งนักบวชเต๋าที่เคยถือพรตตามถ้ำภูเขา ได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในอาราม และมีการถือโสดเช่นเดียวกับพระสงฆ์ในพุทธศาสนา
                นาทีนี้ถ้าเด็กเสื้อเหลือง และเสื้อแดง หันหน้ามาหาความจริงว่า ที่ผ่านมาตัวเองต่างก็ถือหุ้นประเทศไทยคนละ 1  หุ้นเท่ากันไม่มีใครได้เ เสียปรียบ ประเทศไทยไม่ใช่ของคนๆเดียว  ถ้าชาติล่ม ชาติเสียหาย หุ้นในมือของเราที่ถือไว้ก็ไร้ค่า ไม่ใช่หรือ
            ที่ผ่านมา พ่อของเราร้องไห้ให้กับลูก  2 คนนี้มามากเกินพอแล้ว
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น