วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แอ่ว ภูเก็ต



ถ้าไปยืนตรงประตูผู้โดยสารขาเข้า ของสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วถามนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า มีโปรแกรมจะเที่ยวที่ไหนในเมืองไทย คำตอบส่วนใหญ่มีอยู่สองคำตอบ คือ เที่ยวกรุงเทพ ลงไปภูเก็ต แล้วขึ้นไปเชียงใหม่
ส่วนอีกคำตอบคือ เที่ยวกรุงเทพ ขึ้นไปเชียงใหม่ แล้วลงมาเที่ยวภูเก็ต
ภูเก็ต กับ เชียงใหม่ นั้นถือว่าเป็นหัวเมืองยอดนิยม สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาโดยตลอด ต่างฝ่ายต่างมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง เชียงใหม่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรม และขุนเขา
       ส่วนภูเก็ตนั้น ฉายาไข่มุกแห่งอันดามัน ก้อเป็นเหมือนหนังสือการันตีว่าถ้ามาเมืองไทย..พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


สองเมืองกลายเป็นพิกัดหลักของนักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ  เลยเข้ากฏแห่งเศรษฐศาสตร์ เมื่อดีมานด์มันเพิ่มพรวด ซัพพลายก็วิ่งตามติดมาทันที โดยเฉพาะนกเหล็กสายการบินต่างๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นการเดินทางยอดนิยมของคนไทย
       สายการบินต่างๆ เหลียวซ้ายมองขวาก้อมองออกว่า ตลาดของเส้นทางนี้กำลังเปิดกว้าง ล่าสุดเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา นกเหล็กบางกอกแอร์เวย์ ก็เปิดไฟล์ทบินตรงเชียงใหม่-ภูเก็ต ขึ้นมารองรับสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ทางบางกอกแอร์เลยส่งเทียบเชิญให้ผมร่วมบินไปสำรวจกับไฟล์ทนี้
บางกอกแอร์เวย์ ที่ได้ฉายาบูติก แอร์ไลน์นั้น ช่วงหลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ถูกอกถูกใจบรรดาผู้โดยสารทั้งหลายที่พูดเป็นเสียงเดียวกันคือ  ห้องรับรองในสนามบิน ที่เปิดบริการให้กับลูกค้าของสายการบินทุกคน เมื่อก่อนหลายคนออกอาการเบื่อ เวลาที่ต้องมานั่งรอเที่ยวบินในสนามบินนานๆ  แต่พอบินกับบางกอกแอร์เวย์ ปัญหานี้หมดไปทันที แถมตอนนี้ยังออกแนวป๋า เข้ากับกระแสคนไทยฮิตปั่นจักรยาน โดยสารการบินเปิดไฟเขียวให้ลูกค้าสามารถโหลดจักรยานขึ้นเครื่องฟรี ทุกเส้นทาง แถมยังเข้ากับธีมของเชียงใหม่ ที่กำลังรณรงค์ให้เป็น"เมืองจักรยาน"


วกกลับมาถึงห้องรับรองในสนามบินของบางกอกแอร์เวย์ หลายคนชอบไปนั่งรอในห้องรับรอง ของบางกอกแอร์ เพราะสะดวกสบาย อาหารการกิน ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม เสริฟแบบไม่อั้น จนเริ่มติดใจกันเป็นทิวแถว
เครื่องเทคออฟที่เชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก้อแลนดิ้ง สู้สนามบินภูเก็ต ดินแดนแห่งทะเลสวย และหาดทรายขาว
เหลียวหลังไปมองภูเก็ตในอดีต  มีหลายกระแส บ้างก็ว่าภูเก็ตเป็นเกาะ ที่ค้นพบโดยชาวประมง แต่เดิมเรียกว่า “บูกิต” ซึ่งเป็นภาษามลายูแปลว่าภูเขา เพราะเมื่อมองจากทะเล จะเห็นเหมือนมีภูเขา โผล่ขึ้นกลางน้ำ แต่บางกระแส ก็ว่าภูเก็ตมาจากคำว่า “ภูเก็จ” แปลว่าภูเขาที่มีค่า


แต่ที่แน่ๆ ภูเก็ตนั้นขึ้นแท่นว่า เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ 543.034 ตร.กม เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่น้อยที่สุดในประเทศไทย ประชากรที่บันทึกไว้ล่าสุดอยุ่ที่ 369,522 คน เฉลี่ยความหนาแน่น บวกลบคูณหารแล้วได้ตัวเลข 680.47 คน/ตร.กม. แต่ความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขจริงของประชากรของภูเก็ตตอนนี้อาจจะมากกว่าหลายเท่า เพราะมีคนจากต่างถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย ดังนั้น ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาขุดทอง ทำธุรกิจกันเต็มเมือง
ในอดีตนั้น ชาวเลเป็นชาวกลุ่มแรก ๆ ที่มาอาศัยอยู่บนเกาะภูเก็ต จากนั้นมาจึงกลุ่มชนอื่น ๆ อพยพตามมาอีกจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ชาวไทย ชาวมาเลเซีย ฯลฯ จนมีวัฒนธรรมเฉพาะเป็นของตนเองสืบทอดมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นสีสันอย่างหนึ่งของภูเก็ต  เพราะปัจจุบันชาวภูเก็ตว่าเป็นพวกผสมผสานกันทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรมกับชาวมลายู
ปัจจุบันชาวภูเก็ตส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนกลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชาวจีนฮกเกี้ยน ชาวจีนช่องแคบ ชาวจีนกวางตุ้ง ฯลฯ รวมไปถึงชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม แถบอำเภอถลาง โดยเฉพาะชาวไทยมุสลิมมีจำนวนถึงร้อยละ 20-36 ของประชากรในภูเก็ต  นี่ยังไม่รวมแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ลาว และเขมรราวหมื่นคน
ด้านทางศาสนา ประชากรส่วนใหญ่ในภูเก็ตนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 73, ศาสนาอิสลามร้อยละ 25, ศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 2


พอดีผมโชคดีที่ทริปนี้ ทางบางกอกแอร์ เขาจับมือกับโรงแรมแคป พันวา โรงแรมหรู ตั้งอยู่บริเวณแหลมพันวา ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต เป็นที่พัก โรงแรมแคป พันวา ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือเกษมกิจ เพราะฉะนั้นไม่ต้องอธิบายมากความว่า โรงแรมจะหรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพรียบพร้อมแค่ไหน


        แถมโรงแรมแคป พันวา ยังเพิ่งลงทุนไปหลายสิบล้าน ในการรีโนเวท เพื่อสมกับฉายาว่าเป็นโฉมงามแห่งธรรมชาตินั้น  โดยเฉพาะห้องพักใหม่ให้เป็นห้องสวีททั้งหมด ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรารี ในบรรยากาศรีสอร์ต แถมมีหาดทรายขาวส่วนตัวทอดยาวเกือบ 300 เมตร ให้ กับแขกที่มาพักได้สำผัสกับทะเล แบบไม่มีใครรบกวน
งานนี้ผมเองเลยเคลิ้มๆ นึกว่าตัวเองเป็นนักข่าว วีไอพี ไปโดยปริยาย

ถ้าใครถามว่า ไปภูเก็ตแล้วเที่ยวที่ไหนดี ก้อต้องบอกว่าจังหวัดภูเก็ตมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายและหลากหลายรูปแบบ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นคือชายหาดต่างๆ เช่น หาดป่าตอง หาดกะรน หาดกะตะ หาดกมลา ฯลฯ
        นอกจากนี้ยังมีเกาะใหญ่น้อยต่างๆ รอบภูเก็ต เช่น เกาะไม้ท่อน เกาะราชา เกาะรัง เกาะเฮ เกาะสิเหร่ เป็นต้น รวมทั้งมีน้ำตกบางแป น้ำตกกะทู้ และน้ำตกโตนไทรด้วย
        สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์และศาสนสถานที่สำคัญ ได้แก่ พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคาคีรี วัดฉลอง ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เป็นต้น
        นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ภูเก็ตแฟนตาซี พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ สวนสัตว์ภูเก็ต ฯลฯ

ใครที่เริ่มอยากเดินเล่นชายหาด สัมผัสกลิ่นไอทะเล ภูเก็ตเป็นทางเลือกที่มองข้ามไม่ได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะคนไทย ไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนไกลๆหรอกครับ ของดีเมืองไทยมีอยู่เยอะแยะ
          อยู่ที่ว่าสนใจจะไขว่คว้าหรือเปล่า..เท่านั้นเอง!

กุนซือ
p_kiti@hotmail.com

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไอโฟน6



ไอโฟน6 มาแล้วจ้า


                 ว่ากันว่า ถ้าคนเดินมา 10 คน จะมีคนก้มหน้าเล่นมือถือซะ 7 คน โลกเปลี่ยนกลายเป็นสังคมก้มหน้า กันเป็นแถว  หันมามองคนไทย ที่ขึ้นชั้นติดทำเนียบมานานเรื่องตามกระแสเนี่ย ไม่มีใครเกินครับ                  หลังมือถือไอโฟน6 เปิดตัวมาระยะหนึ่ง แต่ยังไม่จำหน่ายในเมืองไทย ปรากฏว่ามีคนไปหิ้วเครื่องจากเมืองนอกมาขาย อัพราคากลายเป็นเท่าตัว แต่เหลือเชื่อว่ายังมีคนยอมควักเงินซื้อ เพียงเพื่อจะพก แล้วบอกให้สังคมว่า ฉันเป็นคนทันสมัย ใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มี  เห็นค่านิยมแบบนี้บอกเลยครับว่า...น่ากลัว
พอดีเดย์ ได้ฤกษ์iPhone 6 และ iPhone 6 Plus  จะอวดโฉมจำหน่ายในเมืองไทยในวันที่ 31 ตุลาคม ปรากฏว่าเกิดปรากฏการณ์ ไอโฟนพีเวอร์ขึ้นมาทันที  พอค่ายมือถือเปิดให้จองปุ๊บ เข็มนาฬิกากระดิกไปแค่ 8 นาที ก็ต้องปิดการจอง เพราะยอดเต็ม
อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ จริงๆ
สาเหตุซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเพราะเครื่อง iPhone 6 Plus ที่ได้มาอาจจะมีจำนวนน้อย แต่จากกระแสใน Social Network หลายคนก็เลือกที่จะจอง iPhone 6 Plus มากกว่า เพราะราคาต่างจาก iPhone 6 ไม่มากนักนั่นเอง
วันนี้เลยหยิบเอาข้อมูลว่าไอโฟน 6 มันต่างจากไอโฟนรุ่นเก่าอย่างไรบ้าง ถึงทำให้กระแสยอดความต้องการพุ่งพรวดถึงขนาดนี้
1.จอใหญ่
เราจะยังไม่พูดถึง iPhone 6 Plus ที่จอ 5.5 นิ้ว เอาเฉพาะ iPhone 6 ก่อน ไอโฟน 6 มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมาจากไอโฟน 5S อีก 0.7 นิ้ว คือจากเดิม 4.0 นิ้วเพิ่มขึ้นมาเป้น 4.7 นิ้ว คนที่ชอบจอใหญ่ๆคงจะถูกใจกันไม่น้อยละ เพราะรุ่นเล็กสุดก็เริ่มมาที่ 4.7 นิ้ว
2.บางแล้วบางอีก
คือทุกปีพี่แอปเปิ้ลต้องหาเรื่องทำให้สมาร์ทโฟนของแกบางลงกว่าเดิมให้ได้ ปีนี้ก็บางลงได้อีกจากจาก 5 S ที่ 7.6มิลลิเมตรที่ว่าบางมากแล้ว ปีนี้พี่แกจัดมาให้เลย 6.9 มิลลิเมตร บางลงกว่าเดิมอีก 0.7 มิลลิเมตร ใครที่อยากได้สมาร์ทโฟนบางๆตระกูล iOS รุ่นนี้คงบางสมใจท่านแล้ว
3.มาซักทีจอ Full HD
ตามธรรมเนียมของ Apple เวลาพัฒนาอะไรขึ้นมาจากรุ่นก่อนต้องมีชื่อเรียกให้มันเว่อร์ๆเข้าไว้ จอ Full HD ของไอโฟน 6 ได้ชื่อกิ๊บเก๋ว่า “Retina HD Display” โดยเจ้ารุ่น 4.7 นิ้วมาพร้อมกับความละเอียด 1334?750 พิกเซล (326ppi) และ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว มาพร้อมความละเอียด 1920?1080 พิกเซล (401ppi) มากกว่า iPhone 5s 1 ล้านพิกเซล และ 2 ล้านพิกเซลตามลำดับ
4.Cpu รุ่นใหม่แรงขึ้นกว่าเดิม 25%!
ในที่สุดไอโฟนตัวใหม่ก็ได้ใช้ Cpu Apple A8 64-bit ที่ให้พลังแรงขึ้น 25% ในขณะที่มีขนาดเล็กลง 13% และกินพลังงานน้อยลง 50% เมื่อเทียบกับชิป Apple A7 ของ iPhone 5S แถมชิปตัวใหม่นี้ยังมีพร้อมกับระบบ Motion Coprocessor ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลการออกกำลังกายของคุณด้วย
5.กล้องหลัง 8 ล้านเท่าของเก่า แต่ไม่เหมือนเดิม
แม้ว่าความละเอียดของกล้องหลังยังอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิมแต่แอปเปิลได้เพิ่มระบบ “Focus Pixel” ที่ตัวเลนส์สามารถขยับเข้าหรือออกอัตโนมัติเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุดเข้ามา ทำให้ภาพ 8 ล้านพิกเซลของ iPhone 6 นั้นจะดูดีและคมชัดกว่า 5S อย่างแน่นอน   ส่วน noise reduction เป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาช่วยปรับภาพอัตโนมัติเพื่อให้ภาพคมชัดมีจุดน้อยซ์น้อยลง ส่วน tone mapping จะทำให้ภาพมีสีสันตรงกับของจริงที่สุด ดังนั้นสรุปได้ว่า พิกเซลเท่าเดิมแต่ภาพจะดูสวยงามมากขึ้นครับ  อนึ่ง หากใครอยากได้กันสั่นต้องไปเล่น iPhone 6 Plus นะครับ 6 ธรรมดาไม่มีกันสั่นมาให้
6.ไฟแฟลชเป็นแบบ True Tone
เจ้า True Tone นั้นเป็นไฟแฟลช LED ที่พูดง่ายๆว่าจะไม่ทำลายโทนสีของภาพครับ คือแทนที่จะฉายแสงขาวจ้าๆไปดื้อๆเลย มันจะปรับโทนสีให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุดถึงจะยิงแฟลชออกไป ช่วยให้ภาพที่ได้ไม่ขาวเว่อร์และมีสีสันใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ซึ่งเจ้าระบบนี้พึ่งมีมาใน ไอโฟน 6 เป็นรุ่นแรกของแอปเปิ้ล
7.กล้องหน้าเพิ่มจาก 1.2 ล้านเท่าเดิมแต่ได้ความสามารถเพิ่ม
แม้ว่าค่าพิกเซลจะเท่าเดิมที่ 1.2 ล้านแต่ f 2.2 ที่ลดลงจาก f 2.4 ที่ได้มาในกล้องหน้าก็ทำให้ภาพคมชัดและสว่างมากขึ้น เทียบกับ 5S ก็สว่างขึ้นกว่า 81% มี Burst mode สำหรับการถ่ายต่อเนื่องและเพิ่มความสามารถตรวจจับใบหน้ามากขึ้นจาก 5S รวมทั้งถ่ายวีดีโอ HDR ผ่านกล้องหน้าได้ด้วย
8.ถ่ายวีดีโอความละเอียด Full HD
ใครที่ใช้ iPhone 5S น่าจะเคยถ่ายวีดีโอ Slow-mo (ภาพช้า)ที่ 120 fps กันมาบ้าง ใน ไอโฟน 6 Slo-Mo เพิ่ม fame-rate เป็น 240fps เพิ่มจากเดิมเท่าตัว ทำให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่ช้าลง และมีความละเอียดมากขึ้น
        9.แบตเตอรี่อึดขึ้น
แบตของ iPhone 6 ให้มา 1800 mAH ม้หน้าจอจะใหญ่ขึ้นแต่ชิป A8 ก็กินไฟน้อยกว่า หากเทียบสเปคง่ายๆ ไอโฟน 6 โทรคุยต่อเนื่องได้ 14 ชม ในขณะที่ 5S คุยต่อเนื่องได้ 10 ชม.อึดกว่ากันตามขนาดของแบตเลย
ใครอยากได้ ประดับกายก้อว่ากันไปตามสะดวกครับ ส่วนผมเอง ยังก้มหน้าใช้ไอโฟน 4s เหมือนเดิม เพราะด้วยเหตุว่าแอปเปิ้ลเค้ายังปราณี ให้รุ่นผมนั้น...ยังได้ไปต่อกับ ios8 แฮ่มมมม!

                                                                              กุนซือ

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

10 อันดับองค์กรลับของโลกที่มีอยู่จริง

10 อันดับองค์กรลับของโลกที่มีอยู่จริง จนน่าทึ่งว่าพวกเขาสามารถปกปิดองค์กรเป็นความลับสุดยอดได้ยาวนานมากๆ ได้อย่างไร และจะมีองค์อะไรบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
เรียบเรียงโดย teen.mthai.com
bush-society
อันดับ 10 Skull and Bones

10 อันดับองค์กรลับของโลกที่มีอยู่จริง มีดังนี้

เริ่มจากอันดับ 10 องค์กร Skull and Bones
สมาคมหัวกะโหลกและกระดูกไขว้เป็นสมาคมที่ก่อตั้งในมหาวิทยาลัยเยลในปี 1832 เริ่มต้นขึ้นในหมู่นักศึกษาปีสุดท้าย จากนั้นสมาชิกเก่าจะคัดเลือกทาบทามเชิญนักศึกษาเพียงปีละ 15 คน โดยมีคุณสมบัติของผู้จะได้รับการคัดเลือกคือ ในครอบครัวเคยเป็นสมาชิกองค์กรนี้มาก่อน, เป็นคนหนุ่มไฟแรงมีความกระตือรือร้นสูง, ชอบการเมือง, ฐานะดี, ฉลาด, เก่งกีฬาและชอบทำงานเป็นทีม โดยสมาชิกทุกคนจะต้องมาพบหน้าทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ของแต่ละสัปดาห์ โดยสมาชิกเหล่านี้ถูกเรียกว่า “สุสาน” สมาคมแห่งนี้ให้ความสำคัญต่อสมาชิกเป็นหลัก และเคารพกฎเหนือสิ่งอื่นใด โดยทิ้งความเชื่อเดิมและรับเอาเป้าหมายและปรัชญาของสมาคม เพียงหนึ่งเดียวคือ เป็นผู้นำโลก ในแต่ละช่วงสมาชิกสมาคมนี้จะมีประมาณ 500-600 คน ปัจจุบันว่ากันว่าสมาชิกของสมาคมนี้ก่อร่างสร้างตัวเป็นตระกูลมั่งคั่ง เป็นเจ้าเศรษฐกิจ มีอิทธิพลไพศาลของโลก เช่นตระกูล Harriman, Rockefeller, Payne, Davison นอกจากนี้ยังแทรกซึมไปทุกวงการของสังคมอเมริกัน เช่น รัฐบาล นักกฏหมาย นักการเมือง สื่อสารมวลชน การศึกษา ธนาคาร นักธุรกิจ การค้า อุตสาหกรรม สำนักพิมพ์ คริสตจักร ในตำแหน่งบริหารอันดับสูง ทำการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย กิจกรรมทุกอย่าง แม้กระทั่งชื่อจริงของสมาชิกจะต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด ว่ากันว่าองค์กร CIA ถูกสมาคมนี้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และบุคคลสำคัญในปัจจุบันที่เปิดเผยตัวได้ คือ อดีตประธานาธิบดีอเมริกา จอร์จ บุช เขาเป็นสมาชิกของสมาคม หัวกระโหลกไขว้ และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญใน CFR
Freemasonry_Barnstar
อันดับ 9 Freemasonry
อันดับ 9 องค์กร Freemasonry
องค์กรฟรีเมสัน เป็นองค์กรภราดรภาพที่มีที่มาของเบื้องหลังอันลึกลับตั้งแต่ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป้าหมายแรกของพวกฟรีเมสันคือการต่อสู้กับศาสนาคริสต์ หลังจากนั้น เป้าหมายของพวกนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้กับทุกสิ่ง นอกจากนั้นแล้ว พวกนี้ยังได้ใช้เครื่องหมายใหม่เป็นรูปสามเหลี่ยมและวงเวียนปลายแหลมสองด้าน เป็นสัญลักษณ์อีกด้วย แหล่งพบปะหรือที่เรียกกันว่า “ลอดจ์” (lodge) แห่งแรกของคนพวกนี้ถูกตั้งขึ้นในอังกฤษโดยใช้คำขวัญใหม่ว่า “เสรีภาพ ภราดรภาพและเสมอภาค” การเข้าเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์จะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก จะต้องเป็นชายที่มีความเป็นอิสระ ไม่ผูกพัน, เชื่อในความมีตัวตนของพระผู้เป็นเจ้า มีอายุไม่ตํ่ากว่า 18 ปี ต้องมีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมและจริยธรรม และข้อสุดท้ายก็คือ จะต้องมีชาติกำเนิดที่เป็นไท ไม่เคยตกเป็นทาส และ ต้องผ่านพิธีกรรมลับ หากใครก็ตามที่แอบเห็นการกระทำพิธีกรรมลับอันนี้ ก็จะต้องถูกให้เข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์ องค์กร ฟรีเมสันในปัจจุบันมีด้วยกันหลายรูปหลายแบบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีสมาชิกประมาณ 5 ล้านคนที่รวมทั้งเกือบ 2 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และราว 480,000 คนในอังกฤษ, สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์ เชื่อกันว่าองค์การนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกระจายอยู่ในทุกวงการ เช่น ประธานาธิบดี รัฐมนตรี ผู้พิพากษาศาลสูง วุฒิสมาชิก ผู้ว่าการรัฐ ฯลฯ คนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกขององค์กรลับตั้งแต่เด็กๆ องค์กรเหล่านี้รับสมาชิกยากมากจริงๆ แต่เมื่อรับไปแล้ว สมาชิกก็จะเขยิบขึ้นเป็นคนระดับโลก เดินทางมาไหนไปประเทศใด จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจัดการอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง เมื่อปฏิบัติ การงานสิ่งใด ก็จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจำกัดศัตรูเพื่อให้ท่านใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น
อันดับ 8 Rosicrucians
อันดับ 8 Rosicrucians
อันดับ 8 องค์กร Rosicrucians
โรสิครูเซี่ยน เป็นศาสนศาสตร์สมาคมลับที่ก่อตั้งขึ้นประมาณศตวรรษที่ 16 โดย คริสเตียน โรเซนครูสทธ์ (Chrisan Rosenkreuz) ชาวเยอรมัน ที่ถือหลักคำสอน “ความจริงลึกลับของอดีตกาล” มีเอกสารสามชุดเผยแพร่คือ Fama Fraternitatis Rosae Crucis(ค.ศ.1614), Confessio Fraternitatis(ค.ศ.1615) and The Chymical Wedding (ปี ค.ศ.1616) เอกสารเหล่านี้เผยแพร่อย่างกว้างขวางและมีอิทธิพลต่อประวัติศาตร์ เนื่องด้วยเนื้อหาบอกเรื่องราวลึกลับการศึกษาวิถีแบบโบราณ การศึกษา ภาษาคับบาลายุคโบราณ จิต วิญญาณและเทคนิคของการเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อความมั่งคั่งโดยสามารถแปรธาตุโลหะทั่วไปให้เป็นธาตุทองคำได้ ที่ต่อมาสมาชิกของสมาคมนี้ก็กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ และมีอิทธิพลในยุโรปในหลายสาขา และการเมืองของยุโรป และมีความเกี่ยวข้องกับฟรีเมสัน เพราะแนวคิดบางส่วนของโรซิครูเซียนถูกนำไปใช้ร่วมกับแนวคิดของฟรีเมสัน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับลัทธิโปรเตสแตนต์ และขยายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา …สัญลักษณ์ ของสมาคม คือ ไม้กางเขน และดอกกุหลาบซึ่งอยู่ตรงกลางไม้กางเขน ว่ากันว่าชาวเยอรมันเป็นผู้นำอย่างพระเจ้าไกเซอร์ และฮิตเลอร์เคยเป็นสมาชิกในองค์กรนี้ด้วย
7 Ordo Templis Orientis
7 Ordo Templis Orientis
อันดับ 7 องค์กร Ordo Templis Orientis
ออโด เทมพลี โอเรี่ยนติส เป็นองค์กรศาสนาก่อตั้งต้นศตวรรษที่ 20 โดยอเลสเตอร์ โครวลีย์ (Aleister Crowley) ชาวอังกฤษ องค์กรนี้มีเอี่ยวกับฟรีเมนสัน มีเป้าหมายคือต้องการให้องค์กรที่ร่างกฎหมายในองค์กรมาใช้เป็นศูนย์กลางหลัก และเป็นศาสนาใหม่สำหรับยุคใหม่ โดยสมาชิกกลุ่มมี พิธีกรรม การแต่งตัวและพิธีเป็นของตัวเอง และว่ากันว่าพิธีกรรมเหล่านี้ลึกลับ มนต์ดำ กามราคะ ฯลฯ ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 3,000 คนทั่วโลก และหลายคนบอกว่าเป็นกลุ่มลัทธิซาตานสมัยใหม่
อันดับ 6 Hermetic Order of The Golden Dawn
อันดับ 6 Hermetic Order of The Golden Dawn
อันดับ 6 องค์กร Hermetic Order of The Golden Dawn
เป็นลัทธิมนต์ดำที่รุ่งเรืองมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณและเคยเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีอิทธิพลใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตกมาแล้ว ก่อตั้งในปี ค.ศ.1888 โดยคนสามคน ซึ่งก็คือ William Wynn Westcott , William Robert Woodman และ MacGregor และสามคนนี้เป็นมันสมองของ Free Manson (สรุปคือกลุ่ม ฟรีเมนสันมีเกี่ยวทุกงาน) กลุ่มนี้มีจุดประสงค์คือการสอนปรัชญาลึกลับและพัฒนาบุคลากรให้เข้าใจหลักโหราศาสตร์, การทำนายต่างๆ กลุ่มนี้มีความพยายามรวบรวมพิธีกรรมและหลักปรัชญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทำให้เกิดอิทธิพลอย่างมากต่อชาวตะวันตกในช่วงระยะเวลานั้น โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนี้ก็มี A.E.Waite (ผู้กำเนิดไพ่ทาโรต์ ) นอกจากนี้ยังมีผู้กวี, นักประพันธ์, นักเขียนบทละคร, นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายที่เป็นสมาชิกกลุ่มนี้ ซึ่งหมายความว่ากลุ่มนี้มีอิทธิพลในวงการศิลปะและวัฒนธรรมนั้นเอง กลุ่ม Golden Dawn นี้ ได้ปิดฉากลงในปี1914 เพราะสมาชิกร่อยหรอและหมดความสนใจลง รวมระยะเวลาของลัทธินี้เป็นเวลา 26 ปี แต่กระนั้นก็มีการฟื้นฟูลัทธินี้อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นองค์การทางศาสนาแล้ว แม้จะยังมีการสอนเรื่องไพ่อยู่ แต่ก็อิงไปทางศาสนาอยู่มากจนถึงปัจจุบัน
อันดับ 5 The Knights Templar
อันดับ 5 The Knights Templar
อันดับ 5 องค์กร The Knights Templar
อัศวิน เทมพลาร์ หรือชื่อเต็มคือ (full name: The United Religious, Military and Masonic Orders of the Temple and of St John of Jerusalem, Palestine, Rhodes and Malta) เป็นกลุ่มอัศวินศาสนาคริสเตียนที่มีบทบาทในสงครามครูเสด ก่อตั้งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในปี 1119 Hughes de Payens ชนชั้นสูงจากฝรั่งเศส พร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน จุดมุ่งหมายคือปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สร้างระบบธนาคาร ภายหลังมีตำนานต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มนี้ รวมไปถึงกลุ่มนี้ค้นพบของวิเศษบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ ที่โมเสสใช้ติดต่อกับพระเจ้า บางตำนานก็ว่า ชิ้นส่วนของไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซู บางตำนานก็กล่าวว่าในนั้น เก็บเอกสารสำคัญบางอย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเยซู แม้จะสร้างผลงานมากมาย แต่ในระยะแรกกลุ่มอัศวินนี้ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาค จึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ จนกระทั้ง 9 ปีต่อมา กลุ่มนี้สร้างชื่อเสียงหลายครั้ง จนมีผู้บริจาคเงินทองมากมายอีกทั้งมีกิจการหลายแห่ง มีดินแดนจนแทบจะครองยุโรปได้ คนชนชั้นสูงชาวยุโรปหลายคนยังส่งลูกหลานของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย ทำให้กลุ่มนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีอำนาจนอกเหนือกฎหมาย แต่แล้วจุดตกต่ำของกลุ่มนี้ก็มาถึง เมื่อกลุ่มอัศวินนี้มีธุรกิจกู้ยืมเงิน มีลูกค้ามากู้ยืมเงินเพื่อไปทำสงครามมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นพระราชา และเมื่อทำสงครามพ่ายแพ้พวกเขาไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ เลยวางแผนใส่ร้ายกลุ่มอัศวินนี้ว่าเป็นพวกนอกรีต บูชาปีศาจบาโฟเมต และสั่งประหาร และยึดทรัพย์สิน ผู้นำอัศวินถูกเผาทั้งเป็น จนกลุ่มอัศวินนี้ล้มสลายในที่สุด ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลายลง แต่ยังคงทิ้งปริศนาเอาไว้หลายอย่าง เช่น เกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกที่ยังหลงเหลือในยุโรป ทรัพย์สินของอัศวินเทมพลาร์หายไปใหน ในปัจจุบันมีตำนานเล่าลือของพวกอัศวินเทมพลาร์อยู่ทั่วไปว่ากันว่าพวกเขาได้แทรกซึมไปทั่ว ราชสหอาณาจักรอังกฤษ และมีสาขาองค์กรแตกแขนง ซึ่งส่วนใหญ่จุดประสงค์คือช่วยเหลือมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ สมาคม Freemasonry ที่รับธรรมเนียมปฏิบัติและพิธีกรรมจากกลุ่มฮัศวิน จนกระทั้งกลายเป็น ปริศนายอดฮิตที่มักมีคนนำไปแต่งนิยาย เกมส์หรือภาพยนตร์เสมอ
อันดับ 4 Illuminati
อันดับ 4 Illuminati
อันดับ 4 องค์กร Illuminati
สมาคมอิลลูมิ นาติ มาจากภาษาลาติน แปลว่า การรู้แจ้ง เป็นอีกหนึ่งสมาคมที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถูกเชื่อมโยงกับการปฏิวัติโดยเฉพาะอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย และไทย สมาคมนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1776 (ปีเดียวกันกับที่อเมริกาประกาศอิสรภาพ)ในเมืองอินกอลสตาดท์ (บาวาเรียตอนบน) โดยอดัม ไวส์ฮอปต์ (Adam Weishaupt) ซึ่งเป็นชาวเยอรมัน เกิดในปี ค.ศ.1748 ซึ่งเป็นผู้เลื่อมใสในคณะเยซูอิต และเป็นศาสตราจารย์ด้านประมวลกฎหมายโรมันเกี่ยวกับศาสนาที่เป็นฆราวาสคนแรก ที่มหาวิทยาลัยอินกอลสตาดท์ ต่อมาสมาคมนี้ได้มีอิทธพลต่อปัญญาชนและกฎหมาย มีสมาชิกหลายคนเป็นนักการเมืองที่เจริญในหน้าที่การงาน แนวคิดและจุดประสงค์นิกายนี้ค่อนข้างน่ากลัวนิดหนึ่ง คือกลุ่มนี้ยึดถือมั่น “การจัดระเบียบโลกใหม่” การกำกับดูแลปกครองประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผ่านรัฐบาลโลกอิสระ โดยยึดถือกฎเดียวกัน คือ ยึดถือศาสนายูดาย โดยมีกลุ่มชนชาติยิวเป็นกำลังหลัก มีบางทฤษฎีก็เชื่อว่า มีความต้องการที่จะให้ประเทศอิสราเอลเป็นเมืองหลวง Illuminati เป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังอำนาจอย่างลับๆ โดยการควบคุมเหตุการณ์ในโลกทุกวันนี้ผ่านทางรัฐบาลและกลุ่มบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หลายเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็น การแทรกซึมและโค่นล้มรัฐบาลของหลายๆรัฐในยุโรป การปฎิวัติที่ฝรั่งเศส และรัสเซีย จัดฉากและก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย เป็นผู้สนับสนุนเงินทั้งหมดให้ฮิตเลอร์ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวไป 6 ล้านคน, ก่อตั้ง UN หรือสหประชาชาติ IMF และ World Bank หรือธนาคารโลก และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ขึ้นเพื่อเดินหมากตัวต่อไป……ยึดครองโลก สำหรับในปัจจุบัน หลายคนเชื่อว่าสมาคมนี้ยังคงเป็นเงาที่ดำเนินการและจัดการนโยบายรัฐบาลของ โลก ครอบคลุมถึงการแทรกซึมควบคุมทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง การใช้อำนาจอย่างลับๆ โดยการควบคุมเหตุการณ์ในโลกทุกวันนี้ผ่านทางรัฐบาลและกลุ่มบุคคลอื่นๆ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกด้วย และคำว่า อิลลูมินาติ มักจะถูกใช้อ้างถึง New World Order (NWO) นักทฤษฎีสมคบคิดจำนวนมากเชื่อว่าอิลลูมินาติอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การสถาปนาลัทธิดังกล่าว และข้อเท็จจริงที่สร้างความสับสนมากขึ้นไปอีกก็คือ ปัจจุบันมีกลุ่มภราดรหลายกลุ่มที่มีคำว่า “อิลลูมินาติ” อยู่ในชื่อกลุ่มด้วย
อันดับ 3 The Bilderberg Group
อันดับ 3 The Bilderberg Group
อันดับ 3 องค์กร The Bilderberg Group
หาก Illuminati อยู่เบื้องหลังควบคุมการทหาร และการสงครามทั้งหมด The Bilderberg Groupd ก็คือสมาคมที่อยู่เบื้องหลังการเงิน เศรษฐกิจและที่ปรึกษาและการวางแผนระดับสูง และควบคุมนโยบายหลักๆ ของรัฐบาลของโลก บิล เดอร์เบิร์กเป็นอีกสมาคมหนึ่งที่อยู่คู่กับฟรีเมสัน ในยุค 1954 ก่อตั้งโดย Dr. Joseph Retinger ชาวยิวเจ้าเก่า โดยการประชุมนัดแรกนัดกันที่โรงแรม Hotel de Bilderberg เมืองอูสเตอร์บีก ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม กลุ่มนี้เป็นสมาคมลับของชนชั้นสูง สำหรับเหล่ามหาเศรษฐี ในโลกแห่งการทำธุรกิจและธนาคารข้ามชาติ, วงจรการเมือง และรวมถึงประชาชนทั่วไปที่เป็นมืออาชีพ โดยกลุ่ม Bilderberg จะทำการประชุมกันปีละครั้ง.. อย่างเปิดเผย โดยจะมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 100 ที่นั่ง ทุก 1 ปีที่เจอกัน คนเหล่านี้มาด้วยคำถามซ้ำๆ กันทุกปีว่า “เราจะเปลี่ยนโลกนี้ ให้เป็นอย่างที่พวกเรา (ชาวยิว) อยากให้เป็นไปได้อย่างไร ? ในฐานะที่เรา (ชาวยิว) เป็นรัฐบาลโลกที่แท้จริง” พอประชุมเสร็จก็มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าประชุมอะไรกันไปบ้าง แต่จะไม่พูดถึงวาระลับซ่อนเร้นที่รู้กันเฉพาะในหมู่สมาชิกเท่านั้น ว่ากันว่ากลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับ Illuminati และฟรีเมนสัน ในเหตุการณ์ถล่มอัฟกานิสถานและอิรัก ความพยายามในการสกัดกั้นจีน ความรุนแรงในบางจังหวัดของบางประเทศ ฯลฯ จุดมุ่งหมายคือเพื่อโลกเสรีไม่เอาคอมมิวนิสต์ ปัจจุบัน The Bilderberg Group มีสมาชิกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอำนาจจากภาคธุรกิจและการเมือง เช่น สมาชิกกลุ่มนี้ทั้งที่ตายไปแล้วและที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น เฮนรี คิสซิงเจอร์, บิลล์ เกตส์, เดน นิส เฮียเลย์ (อดีตผู้นําพรรคแรงงานและ รมว.ความมั่นคงของอังกฤษ), เดวิด ร็อคกีเฟลเลอร์, เจ้าชายเบิร์นฮาร์ด (พระสวามีของราชินีจูเลียนา แห่งเนเธอร์แลนด์), โรนัลด์ รัมส์เฟลด์ ฯลฯ.. นอกจากนี้ยังมี Lord Rothschild และ Laurance Rockefeller 2 ใน 100 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เข้าร่วมด้วยอีกคน
อันดับ 2 The Priory of Sion
อันดับ 2 The Priory of Sion
อันดับ 2 องค์กร The Priory of Sion
ไพร เออรี ออฟไซออน หรือ สำนักศาสนาแห่งไซออน เป็นองค์กรลับสมาคมชายล้วนที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1956 โดยปิแอร์ ปลองตาร์ด (Pierre Plantard) ในเมืองอานเนอมาซ ทางตะวันออกของฝรั่งเศส โดยเขาได้ได้แต่งประวัติศาสตร์ขององค์กรขึ้นมา แต่อ้างว่ามันเป็นสมาคมลับที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อปี ค.ศ. 1099 มีหน้าที่ปกป้องสายเลือดของราชวงศ์เมโรแว็งเชียง เพื่ออ้างสิทธิในราชบัลลังก์ของฝรั่งเศส จนหลายคนเชื่อและแล้วก็แพร่หลายไปทั่วยุโรป ผู้คนมากมายที่เชื่อว่าไพรออรี ออฟ ไซออนเป็นสมาคมลับในยุคเก่าซึ่งได้ปกปิดความลับที่จะล้มล้างเอาไว้ เช่น ต้นกำเนิดพระเยซู, จอกศักดิ์สิทธิ ส่วนสมาชิกคนสำคัญของสมาคมนี้ถูกกล่าวถึงใน เลส์ โดสซิเยส์เซอเกรส์ (Les Dossiers Secrets) ได้แสดงรายชื่อของเหล่าประมุข ของสมาคมลับ เดอะไพรเออรี่ออฟไซออน ซึ่งมีทั้ง เลโอนาร์โด ดาวินชี, ซานโดร บอตตีเชลลี, โรเบิร์ต บอยล์, เซอร์ไอแซก นิวตัน, วีกเตอร์ อูโก ฯลฯ(ภายหลังมีคนบอกว่ามันเป็นของปลอม) เรื่อง ราวของลัทธินี้ถูกนำไปแต่งนิยายมากมาย ในฐานะทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด ประวัติศาสตร์เทียม และการสับสนอื่นๆ กลายมาเป็น กระแสหลักโด่งดังในหนังสือชื่อ The Holy Blood and the Holy Grail ในปี ค.ศ. 1982 และต่อมาในนวนิยายสืบสวนชื่อรหัสลับดาวินชี
อันดับ 1 Opus Dei
อันดับ 1 Opus Dei
อันดับ 1 องค์กร Opus Dei
โอปุสเดอีเป็นภาษา ละติน แปลว่า งานของพระเจ้า, ผลงานของพระเจ้า หรือ “คณะสงฆ์แห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์” เป็นองค์กรคาทอลิก อนุรักษ์นิยม ตั้งขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม 1928 โดยนักบวชสเปน โฆเซ่ มาเรียเอสคิวบา ที่ถูกประกาศความศักดิ์สิทธิ์เป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ผู้ล่วงลับ จุดประสงค์ขององค์กรนี้คือช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุน ส่งเสริม คณะผู้เผยแผ่คำสอนของพระเยซูเจ้าของคริสตจักรและโบสถ์ โดยส่วนหนึ่งขยายความถึงการร่วมงานกับกลุ่มพระนิกายเยซูอิ เรื่องราวขององค์กรนี้โด่งดังจาก หนังสือ Davinci code ของแดน บราวน์ ที่กล่าวถึงนักบวชบำเพ็ญทุกกริยา ซึ่งความจริงแล้วองค์กรนี้ไม่มีการประกอบพิธีกรรมหรือคลั่งศาสนาแต่อย่างใด เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กร เป็นสามัญชนที่เชื่อในพระคริสต์และพร้อมที่จะเผยแผ่ความรักของพระองค์ออกไปในวงกว้างเท่านั้น นอกจากนั้นหนังสือของบราวน์ยังผูกเรื่องให้บิช็อปโอปุส เดอีผู้หนึ่ง สั่งการให้นักบวช (monk) โอปุส เดลี ไปกระทำฆาตกรรม แม้ความจริงแล้วองค์การนี้มิได้มีนักบวชประเภทนี้แต่อย่างใด หนังสือ แดน บราวน์ยังกล่าวไปอีกว่า องค์กรนี้อยู่เบื้องหลังและมีอิทธิพลต่อการประชุมลับของบรรดาพระคาร์ดินัล เพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป ซึ่งความจริงแล้วในจำนวนพระคาร์ดินัล 115 คน ที่จะใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง มีเพียง 2 คน เท่านั้น ซึ่งนับเป็นสมาชิกของโอปุส เดอี แต่ที่แน่ๆ ปัจจุบันโอปุสเดอี มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 85,000 คนใน 60 ประเทศ จนได้รับสมญานามว่า “ออคโตปุส (ปลาหมึก) ของพระเจ้า” มีศูนย์กลางการทำงานที่โรม ในปี1982 เป็นนิกายที่ขึ้นตรงกับพระราชาคณะชั้นสูง ภายใต้พระลัญจกรพระสันตะปาปา สามารถเข้าถึงพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อีกทั้งได้รับความสนับสนุนและการส่งเสริมจากพระคาร์ดินัลผู้ทรงอิทธิพล, พระและฆราวาสที่เป็นสมาชิกวงในของโอปุส เดอีจำนวนมาก สมาชิกในองค์กรได้ครองตำแหน่งสูงๆ ในระบบราชการของสำนักวาติกัน ทั้งนี้รวมถึง โจอาควิน นาวาร์โร-วัลส์ หัวหน้าโฆษกสำนักวาติกัน จึงไม่น่าแปลกอะไรที่หลายฝ่ายเชื่อว่าโอปุส เดอี เป็นองค์กรคริสตจักรอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว มีอำนาจบารมี ซึ่งซ่อนอยู่ภายใน โดยทำตัวลึกลับและคอยบงการชักใย คริสตจักรคาทอลิกอีกชั้นหนึ่ง