วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หนอนหนังสือ 17/11/2550


                หลายคนเริ่มเป็นห่วงหลังจากเห็นตัวเลขสถิติของคนไทยที่อ่านหนังสือลดลง  และแนวโน้มของกราฟดูจะลดลงเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง  เพราะถ้าคนของชาติไหนอ่านหนังสือน้อย  ก็ไม่ต้องสงสัยว่าอนาคตของชาตินั้นๆจะออกหัวออกก้อยอย่างไร
                ผมเขียนมาหลายครั้งว่า  ถ้ารัฐบาลอยากให้คนไทยฉลาดขึ้น  อ่านหนังสือ หนังหาเพื่มมากขึ้น  รํฐบาลเองนั่นแหละที่จะต้องเป็นคนเริ่ม โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านมากขึ้นกว่าเดิม  แต่ตอนนี้ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือผู้คนเมินหนังสือตามแผง  หันไปหาบริโภคสื่ออื่นที่สะดวกสบายกว่า ไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือว่าวิทยุ
                ครั้นจะหันมาหยืบหนังสืออ่าน  โห...ราคาหนังสือแต่ละเล่มก็แพงหูฉี่
                หนังสือเล่มเล็กๆบางๆ  ชั่วโมงนี้ ขายเล่มละร้อยกว่าบาท  เศรษฐกิจแบบนี้ คุณจะหยืบเงินมาซื้อหนังสือ 1 เล่ม  หรือว่าเอาเงินนั้นเดินเข้าไปฟาดก๋วยเตี๋ยวได้ 6 ชามพร้อมกับน้ำอัดลม
                ทุกวันนี้ ผมต้องเก็บเงินไว้ส่วนหนี่งเพื่อซือ้หนังสือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ต้องซื้อซักเล่ม  เพราะผมชอบอรรถรสทีได้จากการอ่านหนังสือ มากกว่าการดูและการฟัง  การดูทีวี หรือการฟังวิทยุ อาจจะเป็นความบันเทิง ทีได้รับความสะดวกสบาย
                แต่ถ้าเป็นหนังสือ  อ่านเสร็จยังได้จินตนาการต่อได้อีก  สนมุติหนังสือเรื่องหนึ่งบรรยายลักษณะของนางเอก ว่าสวยอย่างนั้น ดีอย่างนี้  ถ้าเป็นทีวี หน้านางเอกโผล่จอมาพรวด ก็จบครับ  ไม่ต้องมีจินตนาการ
                แต่เป็นหนังสือ  เราจะมีเค้าโครงร่าง ภาพของนางเอกแตกต่างออกไป  ตามแต่ใจของคนที่จะคิด  เพราะฉะนั้นหนังสือหนึ่งเล่ม  หน้าตาของนางเอกจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ  ตามอัตราของผู้อ่าน  ถ้าผู้อ่านมากขึ้น  หน้าของนางเอกในเล่มนั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
                เห็นอิทธิฤทธิ์ของการจินตนาการแล้วหรือยังครับ
                เคยมีคนตั้งคำถามถามผมว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร  คำตอบง่ายๆ และแน่วแน่ตั้งแต่เด็กคืออยากเป็นหนอนหนังสือ  แต่ดูเหมือนว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา  อาชีพหนอนหนังสือของผมยังไม่คืบหน้า  ยังติดอยู่แค่ระดับคนอ่านหนังสือเท่านั้น  คาดว่าจะต้องใช้เวลาทุ่มเทอย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้นี้  เพื่อสร้างฝันที่เป็นจริง
                ปุจฉา อีกข้อที่ยากจะตอบ เพราะวืสัชนา ล่องลอยอยู่เต็มท้องฟ้า  หยิบคว้าอะไรมาเป็นคำตอบก็ได้  คำถามที่ว่าคือ หนังสือแบบไหน ถือว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่า  
                บางคนบอกว่า ก็ต้องเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาดีๆสิ ถือเป็นหนังสือมีคุณค่า  บางคนบอกว่า ต้องดูว่าที่มาของหนังสือมาจากไหน  ถือว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางจิตใจ เช่นเป็นหนังสือของพ่อแม่ ที่มอบให้  หรือคนรักส่งมาให้อ่าน หรือเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ใช้เงินตัวเองซื้อ ฯลฯ
                คำตอบล่องลอยอยู่ในสายลมจริง  
                สำหรับผม หนังสือที่มีคุณค่าคือหนังสือ ที่ใช้อย่างคุ้มค่า  ผมชอบอ่านหนังสือพิมพ์เวลากินข้าว  กินก่วยเตี๋ยว  กินเสร็จ อ่านเสร็จ  ก็จะถือโอกาสทิ้งหนังสือพิมพ์นั้นไว้ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่ได้ทิ้งไว้เป็นขยะ เพียงแต่หวังว่า จะมีคนมาหยิบอ่านต่อ  อีกหลายคน  หนังสือพิมพ์ฉบับละ 10 บาท ถ้าอ่านคนเดียว ก็ไม่คุ้ม ถ้าคน 10 คนอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนื้  ความรู้สึกบอกว่าคุ้มเกินคุ้ม
                ที่ผ่านมาเวลา ใครซื้อหนังสือใหม่ๆ  ผมจะออกแนวประจบ ขอแจมอ่านด้วย  เพราะประหยัดทรัพย์ และเข้ากับนโยบายชีวิต  ที่ว่าหนังสือเล่มหนึ่ง(เพื่อนซื้อ).......ซื้อมาแล้ว ต้องใช้ให้คุ้ม
                100-200 บาท อย่าอ่านคนเดียว  ต้องมีการกระจายตัวอักษร 
                เข้าทำนอง อยากเป็นหนอนหนังสือ  แต่ไร้ทรัพย์ไปลงทุน
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น