วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โลกยุคใหม่



          คุณๆครับเดี๋ยวนี้โลกหมุนเร็ว จนเราตามแทบไม่ทัน ตั้งแต่มนุษย์คิดเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ  ไม่เชื่อลองเอาคนอายุ 30 มานั่งคุยกับเด็กอายุ 18 ดูซิครับ รับรองว่าคุยกันคนละเรื่อง คนละภาษา เข้าใจซึ่งกันและกันยาก
          สาเหตุหนึ่งคือ ตอนที่ผู้ใหญ่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นนั้น เจอสภาพสังคมแบบหนึ่ง ในขณะที่วัยรุ่นสมัยนี้เจออีกอย่าง  หลายปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมต่างชาติทะลักเข้ามาเมืองไทย เหมือนเขื่อนแตก  ดูเด็กสมัยนี้แล้วเป็นห่วงวัฒนธรรมของชาติว่าจะสูญพันธ์  เพราะเริ่มถูกวัฒนธรรมต่างแดนกลืนเข้าไปเรื่อยๆ
          ผุ้ใหญ่ที่อยู่ในช่วงของคนทำงานจะเติงโตขึ้นมาในช่วงข้อต่อสังคมระหว่างยุคเก่ากับนุคคอมพิวเตอร์  ในขณะที่วัยรุ่นสมัยนี้โตขึ้นมากับยุคคอมพิวเตอร์เพียวๆ วิธีคิด  วิธีอ่าน จึงแตกต่างกัน จะเห็นได้ง่ายๆว่าหนึ่งในความคิดของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ มักดูว่าผู้ใหญ่นั้นจะล้าหลังเรื่องเทคโนโลยี ไม่ค่อยเข้าใจระบบใหม่ๆของไฮเทค   ทำอะไรก็ดูค่อนข้างเชยไปหมด
          ยกตัวอย่างง่ายๆ อีตอนที่ผมเข้ามาทำงานเป็นนักข่าวใหม่ๆ ตอนนั้นเครื่องไม้เครื่องมือในการสื่อสารก็ไม่ค่อยมี  ต่างจากบรรดารุ่นพี่ๆ ที่ทำงานที่บางคนก็มีวิทยุสื่อสาร  บางคนก็พกเพจเจอร์ บางคนมีกะตังค์หน่อยก็ถึงขั้นมีมือถือ
 สมัยก่อนถ้ายังจำกันได้ มือถือเป็นเรื่องหรูหรา ใครพกพา เหมือนกับมีมงกุฏอยู่บนหัว ต้องเดินเชิดหน้า อกผึ่งผาย  รุ่นแรกๆถ้าจำไม่ผิดราคาเหยียบเรือนแสน โดยเฉพาะของโมโตโรล่า ที่ใหญ่เทอะทะ ประมาณแฟ้มเอกสาร จะเรียกว่ามือถือแบบพกพาก็คงไม่ได้ คงต้องไปในแนวหอบหิ้วพาเสียมากกว่า แต่ใครมีก็ถือว่าหล่อเหลือหลาย
 ผมทำงานไปหลายเดือนพอเก็บเงินซื้อเพจเจอร์ได้เครื่องหนึ่ง
 คุณเอ๋ย อีตอนที่เอาเพจเจอร์หนีบเอวครั้งแรก มันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก ไปไหนก็พะวงอยู่แต่ว่าเมื่อไหร่ใครจะปิ๊ปๆๆมาหาตูบ้าง เรียกว่าเห่อได้สมบูรณ์แบบ  สนนราคาเพจสมัยนั้นก็หมื่นกว่า รายเดือนอีก ห้าร้อย ทำอะไรก็ไม่ได้มาก ส่วนใหญ่ได้แค่ก้มหน้ามองอ่านหนังสือ เวลามีเสียงปี๊ปๆเท่านั้น
          มาถึงเดี๋ยวนี้ เด็กม.1 หาเงินเองยังไม่ได้ซักบาท พกมือถือรุ่นใหม่ติดเอวกันให้เกร่อ  ผมเคยไปนั่งกินกาแฟ ในหัางสรรพสินค้าชื่อดัง นับหัวดู ผมว่าเด็ก 10 คน เกินครึ่งต้องมีเครื่องมือสื่อสารชนิดใดชนิดหนึ่ง ไม่เพจเจอร์ก็ต้องมือถือ เดินไปไหนก็เซย์ฮัลโหลๆๆๆ  นี่ยัยอ้อยเธออยู่ไหนย่ะ อ๋อ..ก็นั่งโต๊ะข้างหลังเธอนี่ยังงัย..ยัยติ๋ม เหรอแค่นี่นะ เดี๋ยวลุกไปหา
          คุณพ่อคุณแม่ครับ เรื่องนี้เริ่มน่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อยๆ อย่ามัวแต่สร้างค่านิยมวัฒนธรรมเห่อ ฟุ้งเฟ้อให้กับเด็กอยู่เลย อนาคตจะเป็นผลร้ายต่อตัวเด้กเอง ยิ่งตอนนี้ เวลาวัยรุ่นไทยเค้ามีปัญหาอะไร ร้อยทั้งร้อยไม่ค่อยเข้ามาปรึกษาคุณพ่อคุณแม่หรอก สู่เข้าไปแชดไปเมาท์ไปปรึกษากันในอินเตอร์เนตดีกว่า
                                                                   กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น