วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตกับมือถือ ตอน 2 19/12/2549



กลายเป็นสิ่งแยกไม่ออกไปเสียแล้วครับสำหรับชีวิตแบบไทยๆที่ต้องมีมือถือติดตัว ถ้ามายืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งสำรวจตรวจสอบดู คนไหนที่ไม่มีมือถืออยู่ในมือ  ในใช้ verb  to  เดา เอาไว้ก่อนว่า ถ้าบ้านไม่อยู่หลังเขา  ก็ต้องเป็นผู้เฒ่าแก่ชรา
                เห็นข่าวที่เด็กนักเรียนโรงเรียนหนึ่ง ที่รวมตัวประท้วงที่โรงเรียนไม่ยอมให้ใช้โทรศัพท์มือถือในเวลาอยู่ในห้องเรียน จนสุดท้ายโรงเรียนต้องยอมผ่อนผันให้ใช้ในเมื่อจำเป็นเท่านั้น
                อ่านข่าวนี้เสร็จ  ต้องก้มหน้าคิดว่า ประเทศไทยกลายเป็นเมืองอะไรไปแล้ว  ถ้าเด็กนักเรียนไม่มีมือถือเข้าไปในห้องเรียน  ไม่ได้คุยโทรศัพท์
                จะเกิดอาการเหมือนคนติดยาที่ลงแดงกันทั้งห้อง
                คุณครูก็ใจดีเหลือหลาย  ทำทีเป็นไม่อนุญาติ  แต่อนุโลม เด็กทั้งหลายก็ไชโยโห่ฮิ้ว แฮปปี้กันถ้วนหน้า  ถ้าโรงเรียนทั้งหลายเป็นแบบนี้  หลับตาเห็นอนาคตไทยแลนด์ในวันข้างหน้าแล้วก็..เศร้าใจ
                สมันก่อน รุ่นน้องผมตั้งกลุ่มประท้วงคุณครู ฝ่ายปกครอง ว่าด้วยกรณีทรงผมนักเรียน โดยยื่นเรื่องว่าข้างๆเกรียนไม่ว่า  แต่ข้างหน้าขอ 4 เซนฯ
                คุณครูบอกว่ามีทางเลือกให้ 3 อย่าง 1.จะกลับเข้าแถว ทางเลือกที่ 2.จะเดินเข้าไปโดนหักหมาย ที่ฝ่ายปกครอง  หรือทางเลือกสุดท้าย ถูกทุกข้อ
                สุดท้ายนักเรียนชายทั้งหลาย ไม่เคยมีใครไว้ผมข้างหน้าเกิน 4 เซนติเมตร
                เหลียวกลับมามองผู้คนที่ในวัยทำงานกันบ้างที่ชั่วโมงนี้ชีวิตกับมือถือแยกกันไม่ออกเหมือนแฝดอิน-จัน  ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเห็นเม็ดเงินตรงนี้ ก็ตาลุกวาวๆๆๆ ออกแคมเปญมากระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตา เพื่อแย่งชิงฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด
                ตรงกับสโลแกนการาตลาดที่ว่า ที่ไหนมีการแข่งขันสูง  ที่นั่นผู้บริโภคจะเป็นผู้ได้เปรียบ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นของดี ราคาถูกในยุคปัจจุบัน  แตกต่างกัยยุคแรกที่ราคาเครื่องละเกือบแสนบาท
                หลายคนพอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา  เริ่มเหลียวซ้ายมองขวา  เพราะไม่รู้จะรับเครื่องไหน  เครื่องใช้โทรออก  เครื่องนี้ใช้รับสายธุรกิจ  ส่วนเครื่องที่แอบตรงกระเป๋าเป็นเครื่องสายด่วน ตรงหากิ๊ก
                จากเดิมที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา  ก็จำแลงร่างกลายเป็นมนุษย์สื่อสารเต็มรูปแบบ
                นี่ถ้าเป็นตำรวจหรือนักข่าว  เหน็บ ว. เพิ่มเข้าไปที่ข้างเอวอีกหนึ่งตัว  รับรองดูไม่จืด  การันตีให้ประชาชีทั้งหลายได้ทราบโดยถ้วนหน้าว่ารับรองว่าข้า  ไม่มีทางหายสาปสูญ อยากเจอเมื่อไหร่  ติดต่อได้ตลอด
                มือถือที่ระบาดในเมืองไทย เลยทำให้เกิดโรคใหม่โรคหนึ่งขึ้นมา โดยไม่ได้นัดหมาย
                โรคขาดความมั่นใจครับ
                ลองสังเกตุดู  ถ้าเมื่อไหร่คนข้างๆออกมาข้างนอก แล้วลืมมือถือทิ้งเอาไว้ที่บ้าน  รับรองได้เลยครับอาการขาดความมั่นใจจะตามมาหลอกหลอนทันที 
                อยู่ไหน ก็ไม่มีความสุข  กระวนกระวาย อยากกลับไปเอามือถือที่บ้าน  นั่งกินข้าวกับเพื่อนจิตใจก็นึกไปโน่นบ้าง  นี่บ้าง   ตอนนี้อาจจะมีใครโทรหาหรือเปล่าหนอ  ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินแล้วใครจะรู้มั้ยว่าฉันอยู่ไหนฯลฯ
                ชีวิตทั้งวันไม่มีความสุข จนกว่าจะกลับไปหามือถือลูกรัก
                ชีวิตกับมือถือของคนไทย  เอวังด้วยประการฉะนี้
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น