วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เดี้ยง 24/5/2552




วันเสาร์ที่ผ่านมา ไปงานโบว์ลิ่ง ฉลอง 100 ปี ของโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัย ที่บูลลี่ โบว์ อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว งานนี้ศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุปัน เดินชนกันเหมือนเที่ยวตลาดนัด
                งานแบบนี้ผมค่อนข้างจะชอบ เพราะนอกจากจะได้พบปะบรรดาเพื่อนฝูง รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่หลายคนห่างกันไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นอกมั่นใจอย่างหนึ่งคือ งานนี้ไม่มีคำว่าคุณอาหรือว่าคุณลุงหลุดออกมาให้บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลานระคายหู
                รุ่นน้องขานชื่อนำหน้ารุ่นพี่ทุกคนว่าพี่หมด   ถือว่าเป็นอภินิหารของระบบโซตัส
                ก่อนเข้างานหลับตานึกถึงเด็กรุ่นน้องอายุ 18-19 ปี เรียกเราว่าพี่ๆๆๆๆ ตลอดทั้งวัน ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงในจิตใจว่าอันตัวตูข้า  ยังอยู่ในช่วง…..วัยฉกรรจ์
                ครั้งแรกตั้งใจว่ามางานนี้ในฐานะนักสังเกตการณ์  เพราะครั้งที่แล้วเผลอนึกว่าตัวเองยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย  หยิบลูกโบว์ลิ่งออกมาโยนโครมๆๆๆๆ
                ผลสุดท้ายต้องนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงหลายวัน  เพราะกล้ามเนื้อโคนขาซ้ายฉีก
                สาบานต่อหน้าทีวีว่า ต่อไปนี้เดินหันหลังให้กับเลนโบว์ลิ่ง ตลอดกาล
                ชาติก่อนผมอาจจะเป็นฆาตกรที่เอาลูกโบว์ลิ่งทุ่มหัวคนตาย  กรรมจึงมาตามทันในชาตินี้แบบไม่หยุดหย่อน  รุ่นผมซื้อบัตรเข้าร่วมแข่งขัน 2 ทีม  แต่พอถึงวันงานเพื่อนร่วมรุ่นติดงานไม่ว่างกันเป็นทิวแถว
                เหลือผมกับเพื่อนอีก 1 คน ที่ต้องรับภาระเข้าร่วมแข่งขันในนามของรุ่น ผมรีบบอกปฎิเสธเสียงแข็งบอกเพื่อนว่างานนี้ขอบาย  เพราะว่าเดาอนาคตออกว่าร่างกายจะออกมาในรูปใด
                โจอี้ ณัฐ  ค้ำกุล เพื่อนร่วมรุ่นอีกคน ในฐานะประธานจัดงาน เดินมากระซิบข้างหูว่า มึงแข่งไปก่อนเถอะ เพราะมีสิทธิลุ้นได้รางวัลใหญ่ตอนแข่งขันด้วยนะ
                เกิดมาผมไม่เคยเป็นคนโลภ แต่วินาทีนั้นสปิริตของรุ่น พลุ่งพล่านทะลุเพดานขึ้นมาแบบไม่ทราบเหตุผล รีบเดินไปเปลี่ยนรองเท้า หยิบลูกโบว์ลิ่งมาโยนโครมๆๆๆๆ แบบไม่หันกลับไปมองอดีต
                แต่หูก็เงี่ยฟังพิธีกรเป็นระยะๆ  เผื่อว่าโชคจะเข้าข้าง รับรางวัลกับเขาบ้าง
                2 เกมต่อมา  กล้ามเนื้อต้นขาซ้าย เริ่มส่งสัญญาน เอส.โอ.เอส ว่าหากยังดันทุรังต่อไป เภทภัยจะมาถึงอย่างแน่นอน  แต่ในใจก็ตะโกนบอกว่าเกมยังไม่จบ  แล้วจะหยุดได้อย่างไร คล้ายๆกับขี้เมาทั้งหลายที่โดนตำรวจจับว่าเมาสุราแล้วขับรถ  หันไปแก้ตัวด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ว่า
                แหม...จ่า   ถ้าเมาไม่ขับ  แล้วตูจะกลับยังงัย
                เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการสายฟ้าฟาดตรงโคนขาข้างซ้าย  เหมือนฝันร้ายกลับมาหลอนอีกครั้ง เข้าใจความหมายของคำว่าเดี้ยงได้ถ่องแท้มากขึ้น  คราวนี้ไม่ต้องสาบานกับทีวีอีกรอบ  แต่บอกกับตัวเองว่าคราวหน้าถ้าทำอีกโดน..บ้องหูอย่างแรงแน่นอน
                เลยฝากขออนุญาตเตือนภัย วัยรุ่นตอนปลายถึงปลายมาก ว่า
                ถ้าไม่ฟิตจริง   อย่าคิดโยนโบว์
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น