วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ควันหลงปีใหม่ 5/1/2553


             ตั้งแต่คริสต์มาสจนถึงปีใหม่ที่ผ่านมา ถือว่าผมใช้ร่างกายเปลืองพอสมควร เพราะเพื่อนฝูงที่อยู่ต่างจังหวัดทยอยขึ้นเหนือมารับลมหนาวกันเป็นทิวแถว ดังนั้นหมายกำหนดการเลี้ยงดู ปูเสื่อจึงยาวเป็นหางว่าว
                ผมเองยื่นขอเสนอเพื่อนๆที่มาเที่ยวว่าขอเลี้ยงดู  ปูเสื่อในระบบอเมริกัน แชร์ สาเหตุเพราะเงินที่เชียงใหม่ ถูกกว่าเงินกรุงเทพ  เวลากินเหล้า เที่ยวราตรีที่เชียงใหม่ ถ้าระดับความสนุกเท่ากัน รับรองว่าที่เชียงใหม่ราคาถูกกว่าเยอะ  ราคาความสนุกแถวกรุงเทพต้องเอาเลขสอง มาคูณ ถึงจะได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่แท้จริง
            วันคริสต์มาส อีฟ ที่ผ่านมา ผมนัดเพื่อนพ้อง น้องพี่ เจอะเจอกันที่ร้านกู๊ดวิว ย่านริมแม่น้ำปิง  
                เผอิญไปถึงก่อนเวลา เลยตัดสินใจยังไม่นั่งโต๊ะ  เบนเข็มไปนั่งหน้าบาร์ แทน  เพราะการที่ผู้ชายวัยฉกรรจ์ตอนปลายแบบผม ถ้าเดินดุ่มๆเข้าไปนั่งคนเดียว  คนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆจะเริ่มซุบซิบ นินทาได้แค่ 2 ประเด็น
                คือ  ออกแนวป๋าที่มานั่งรอเด็ก  กับอีกประเด็น คืออายุปูนนี้แล้ว ยังไม่มีใครคบ
                ไม่ว่าจะโดนประเด็นไหน สุดท้ายก็บาดเจ็บเหมือนกัน  ทางออกที่ดีที่สุดคือ นั่งรอหน้าบาร์ รอเพื่อนมา แล้วพาเหรดไปนั่งโต๊ะพร้อมกัน
                เซฟทีคัท  ตัดก่อนตาย  เตือนก่อนวายวอด
            หย่อนก้นนั่งเก้าอี้หน้าบาร์ปุ๊บ ผมรู้สึกถึงรังสีบางอย่างแผ่เข้ามาจู่โจมแบบฉับพลัน
                เหลียวหน้าไปมอง  เห็นฝรั่ง 2 คนชายกับหญิง ที่นั่งก่อนล่วงหน้า ส่งสายตาในความหมายประมาณว่า ” Hi ยูกับไอ เดี๋ยวเราคุยกัน
                ไม่ทราบเป็นเรื่องธรรมชาติของฝรั่งที่มาเมืองไทยหรือเปล่า  ที่ต้องใช้เวลากลางค่ำ กลางคืน ตระเวนไปตามร้านเหล้าต่างๆ เพื่อหาคนไทยซักคน ที่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง เป็นเพื่อนสนทนา
                ผมเองมีสัญชาติญาณของเสือติดตัวมาตั้งแต่เด็ก  พอเวลาที่มีภัย เข้ามาใกล้ตัว ต้องพยายามดิ้นรนในจุดอับ หาทางรอดให้ได้  วิธีเดียวที่ทำได้ตอนนั้นคือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พลิกโน่น ดูนี่ เช็คข้อความบ้างถึงแม้ว่า inbox จะไม่มีข้อความก็ตาม 
            แต่รังสี คอนเวอร์เซชั่น ยังไม่ยอมจางหาย  ผมต้องรีบใช้ไม้ตายเล่นเกมมือถือ เพื่อส่งสัญญาณอีกครั้งว่าอย่ารบกวน  ต้องการใช้สมาธิ 
                เหนือฟ้ายังมีฟ้า  เหนือไม้ตายยังมีฝรั่ง    พี่แกไม่สนใจว่าผมจะก้มหน้าเล่นเกมส์ ชะโงกหน้าเข้ามาประมาณว่า ถึงเวลาแล้วที่ยูกับไอต้องสนทนากันแบบทางการซักกะที 
                สะกิดไหล่ ถามว่าโทรศัพท์ยี่ห้ออะไร สวยดี  แล้วทำอะไรได้อีกบ้าง ฯลฯ มาเป็นชุดครับ
                พ่อสอนว่า ถ้าหลังพิงฝา ก็ต้องเดินหน้าสู้ตายหละครับ งานนี้ไปตายเอาดาบหน้า  คุยก็คุย   แต่ข้อดีของการพูดภาษาอังกฤษในเมืองไทยคือ พูดง่ายกว่าเดิม เพราะฝรั่งจะเอียงคอตั้งใจฟัง พูดผิด พูดถูก ฝรั่งก็จะพยายามเดาว่าเราพูดว่าอย่างไร 
                ต่างจากเวลาไปเมืองนอก เวลากระเหรี่ยงไทยส่งเสียง สำเนียง ผิดเพี้ยน อาจจะเจอกับสภาพฝรั่งเมิน ทำให้ความมั่นใจหดหาย
                ฝรั่งชาย-หญิง หลังจากตะปบผมเป็นเหยื่อได้สำเร็จ  ก็เริ่มจำนรรจา  เล่าให้ฟังว่า เป็นคนฮอลแลนด์ แดนกังหัน  ชอบเมืองไทยที่สุด มาเมืองไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001  แต่พอตั้งแต่ปี 2004 ก็เดินทางมาเมืองไทยทุกปี  ถามว่า ทำไม
                ปรากฏว่าทั้งคู่ อยู่ในเหตุการณ์ สึนามิ ที่ภูเก็ตครับ  เลยประทับใจในน้ำใจของคนไทยตั้งแต่บัดนั้น  เพราะบาดเจ็บนอนอยู่โรงพยาบาล คนไทยก็เข้ามาดูแล เด็กๆคนไทยก็มาร้องเพลงให้ฟังข้างเตียง เผื่อให้คลายความโศก ฯลฯ
                รวมๆแล้ว เหตุการณ์ สึนามิที่เมืองไทย ได้สร้างชื่อให้คนไทยในสายตาคนต่างชาติอย่างมากมาย
                คืนนั้นกลายเป็นฝรั่งยอวาทีให้ฟังเกือบชั่วโมง  ผมเองในฐานะคนไทยฟังๆดูแล้วเริ่มรู้สึกตัวเบา ลอยขึ้นไปทีละนิด ละเมอประโยคอภิเชษฐไปเกือบสิบครั้ง
                คนไทยใจถึงอย่างเราๆท่านๆ  เวลาฝรั่งยกยอเราขนาดนั้น ต้องมีการตอบแทน  ผมบอกด้วยเสียงหนักแน่ให้กับฝรั่งทั้งคู่ว่า
                ฟุตบอลโลก 2010  ผมจะเลิกเชียร์บราซิล  หันมาเชียร์ฮอลแลนด์ให้เป็นแชมป์โลก
                ให้มันรู้เสียบ้างว่า น้ำใจคนไทยนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน
                                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น