วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หนอนหนังสือ 17/10/2548


                พึ่งกลับจากกรุงเทพมาครับ หลังจากติดสอยห้อยตามคุณพี่พงษ์ศักดิ์  ทักษิณสุข นายกสมาคมนักเรียนเก่าปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัย ในฐานะรุ่นน้องโรงเรียนเพื่อร่วมงานระดมทุนเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีพระราชทานนามโรงเรียนปรินส์ฯ
                ครั้งแรกพอรู้ว่าจะเดินทางเข้าบางกอก เด็กภูธรอย่างเราๆต้องมีการเตรียมตัวครับ  ประเภทคว้าเป้กระโดดขึ้นรถแบบเมื่อก่อน มาถึงตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว เนื่องอายุตอนนี้ที่วัยรุ่นกำลังสับสนว่าจะเรียกว่าพี่หรือว่าอา
                แต่คนไหนเรียกอาผมมักจะไม่ค่อยสนทนาปราศรัยด้วยนัก เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่จัดอยู่ในข่ายมองโลกในแง่ร้าย
                ช่วงการเตรียมตัว วางแผนต้องเริ่มตั้งแต่ พักที่ไหน  ตกเย็นสังสรรค์ที่ใด และที่สำคัญเพื่อนคนไหนยืมตังค์ได้บ้าง  ข้อสุดท้ายนี่ขาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะถือเป็นตัวช่วยที่ทรงคุณค่ามากที่สุด
                โดนโชคหล่นดังโครม  หลังเปิดปฎิทินดูแล้วเวลาที่ไปถึงพอเหมาะพอเจาะกับงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
 ในนามของคนที่ปฎิญานตนตั้งแต่เด็กว่า อนาคตฝันใฝ่อยากเป็นหนอนหนังสือ แต่ตอนนี้ยังทำไม่สำเร็จซักที พอโอกาสทองแบบนี้หล่นวูบมาถ้าพลาด ถือว่าไม่ให้เกียรติตัวเอง
                ในที่สุดก็พาร่างมายืนสะพายเป้อยู่หน้างานจนได้   ตอนเป็นเด็กคุณๆเคยเที่ยวงานฤดูหนาวครั้งแรกมั้ยครับ  ความรู้สึกตื่นเต้นอย่างไร ความรู้สึกแบบนั้นย้ายมาเกิดกับผมตอนนี้ทันที
                เหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจ  ผมเดินตะลุยเดินดูหนังสือเรียกชนิดว่าทุกบูธ ทุกซุ้ม อ่านดูพลิกดู ทั้งนิยาย การ์ตูน สารคดี สารพัดสารเพ ที่ยกเว้นอย่างเดียวที่ค่อยๆเดินเลี่ยงผ่านไป คือซุ้มหนังสือพระ  แฮ่ม....เข้าไม่ค่อยถึงครับ
                2 ชั่วโมงผ่านไปพร้อมกับขาที่เริ่มอ่อนล้า แต่หนทางยังยาวอีกไกล เพราะตระเวนดูได้แค่ 1 ใน 3 ของงานเท่านั้น หัวใจที่มุ่งมั่นอยากเป็นหนอนหนังสือเริ่มสั่นคลอน  เริ่มมองเห็นสัจธรรมอย่างหนึ่งว่าจุดมุ่งหมายกับร่างกายบางครั้งมันทำมุมตรงข้ามซึ่งกันและกัน
                นั่งพักเหนื่อยมองดูบรรยากาศโดยรอบ เห็นน้องๆตัวเล็กๆตั้งแต่ 10 ขวบจนถึงวัยรุ่นเดินกันเต็มงานไปหมด ก็เริ่มชื่นใจ  ใครจะว่าเด็กไทยสมัยนี้อ่านหนังสือน้อยมากจนน่าตกใจ  แต่อย่างน้อยก็มีอีกลุ่มใหญ่ๆที่ยังมีนิสัยรักการอ่านอยู่
                ผมชี้อย่างหนึ่งว่า ความจริงที่รัฐบาลไปสำรวจมา แล้วประกาศโครมๆๆๆๆว่าเด็กไปไม่สนใจอ่านหนังสือ มัวแต่ไปเล่นเกมส์บ้าง จับกลุ่มมั่วสุมกันบ้าง ผมว่าท่านเสนาบดีทั้งหลายลองก้มหน้ามามองความจริงอย่างหนึ่งที่ว่าหนังสือที่วางแผงขายตอนนี้แต่ละเล่มแพงอิ๊บอ๋าย
                เล่มบางเล่มบางประมาณเอานิ้วคีบ ปาเข้าไปเล่มละร้อยกว่าบาท เพราะต้นทุนมันสูง ไหนจะค่ากระดาษที่แพงขึ้นๆไม่มีวันยุบ ค่าลิขสิทธิ์ ค่าโน่น ค่านี่ จิปาถะ ถ้ารัฐอยากสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กไทย ลองทำง่ายๆคือส่งเสริมให้หนังสือไทยมีต้นทุนถูกลงแค่นั้นละครับ
                รับรองหนอนหนังสือเต็มเมืองในไม่กี่ปีหรอก
                ผมเดินดูอยู่ 2 ชั่วโมงครึ่ง เลือกแล้วเลือกอีก เพราะราคาแต่ละเล่มสวนทางกับมนุษย์เงินเดือนอย่างผม
                หลังจากผ่านกระบวนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายแล้ว เหลือมาวางเช็คบิลแค่ 6 เล่ม จ่ายแบ๊งค์พันบาทไป ได้ทอนกลับมา 100 กว่าบาท
                ความฝันที่จะได้เป็นหนอนหนังสือของผมเลยต้องเลือนรางต่อไปอีก...แบบไม่มีกำหนด
                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น