วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดูพลุ 5/1/2552


                ช่วงนี้เชียงใหม่เริ่มค่อยๆกลับเข้าสู่โหมดปรกติ  หลังจากช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้นเกิดอาการแย่งกันกิน  แย่งกันอยู่ กันทั่วเมือง  โดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ที่ได้อานิสงส์ลมหนาวเข้าเต็มเปา ทั้งไทย-เทศ เลยพร้อมใจแห่ขึ้นเหนือกันเป็นทิวแถว
                ช่วงสิ้นปีเวลามาทำงาน ผมต้องเริ่มบริหารจัดการเส้นทางใหม่ เพราะถ้าขืนใช้เส้นทางเดิม รับรองว่าต้องวันๆไม่ต้องไปไหน เปิดแอร์ฟังวิทยุอยู่แต่ในรถนั่นแหละครับ เพราะรถติดเกือบทุกเส้นทาง
                คนต่างถิ่นมาเชียงใหม่  ส่วนใหญ่จะชอบไปชิมข้าวซอย เพราะถือว่าเป็นอาหารประจำถิ่น
                แต่คนเชียงใหม่ นั้นต้องไม่ต้องชิมข้าวซอย แต่ต้องเข้าซอย  เพราะหลบเลี่ยงรถติด  ยิ่งประเภทเกิดเชียงใหม่ โตเชียงใหม่ และจะตายที่เชียงใหม่ รายไหนรายนั้น รับรองว่าเจอรถติดเมื่อไหร่   อาการหงุดหงิดเข้ามาเยือนทันที
                ผมเองก็ใช้วิชาเหมือนกับ บรรดาแท๊กซี่ แถวลาดพร้าว เลี้ยวซอยโน้น ทะลุซอยนี้ เอาตัวรอดเป็นวันๆมาได้ เตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ถ้าเลี้ยวผิดต้องคิดจนตัวตาย 
                เอาตัวรอดมาได้หลายวัน แต่คืนวันส่งท้ายปีเก่า พลาดเข้าจนได้  บิดพวงมาลัยเลี้ยวผิดซอยเดียว  รถผมเหมือนกาวตราช้าง  แนบสนิท ติดทนนาน เคลื่อนตัวในอัตราความเร็วเท่ากับ เต่า..เดินกินลม
                นึกในใจว่าความตั้งใจว่าจะไปดูพลุ ที่ร้านกู๊ดวิว ตอนเที่ยงคืน อาจจะเป็นหมันคาท้องถนน  เพราะพูดถึงงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่เชียงใหม่ ส่วนใหญ่ผมจะปักหลักอยู่ที่ร้านนี้
                เนื่องหยิบสถิติหลายปีที่ผ่านมากางดู รับรองว่าไม่มีพลุ ที่ไหนสวยงามและอลังการ เท่ากับร้านกู๊ดวิว เพราะจุดกันยาวนาน และต่อเนื่อง แถมมีแม่น้ำปิงเป็นเวที สร้างบรรยากาศอีกทางหนึ่ง
                40 นาทีต่อมา ผมตัดสินใจจอดรถห่างจากร้านประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วใช้สโลแกนของเหล้าแบล๊ค เลเบิ้ลที่ว่าKeep walking เดินไปเรื่อยๆ เพราะถ้าหากยังดื้อขับรถเข้ามาย่านริมแม่น้ำปิง รับรองว่าอาจจะต้องร้องเพลงสวัสดีปีใหม่ ในรถคนเดียวแน่นอน
                เข็มนาฬิกากระดิกบอกเวลาเที่ยงคืน ผมยืนอยู่ริมตลิ่งของกู๊ดวิว การแสดงพลุเริ่มขึ้น พลุนานาชนิด และหลากสีสรร ทยอยขึ้นไปอวดโฉมบนท้องฟ้า
                บอกได้คำเดียวว่า    สวย...ถึงสวยมาก   
                 หลังจาก ผ่านไป 5 นาที เริ่มรู้สึกปวดต้นคอ   เพราะเท่าที่ได้ยินมามีแต่ยิ่งสูง  ยิ่งหนาว  แต่พลุของกู๊ดวิวเป็นแบบ ยิ่งนาน  ยิ่งสูง  พลุชุดหลังๆ เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีลูกเล่นมากขึ้น  บางอันพอกระจายตัว  แปลงร่างกลายเป็นรูปเครื่องหมาย สันติภาพ"ทำเอากองเชียร์ ไทย-เทศ ทั้งหลายถูกอก ถูกใจกันยกใหญ่
                เชื่อหรือไม่ครับว่า  คืนวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่   ประโยคอะไร ที่ราคาแพงที่สุด
                คำตอบ....  มีอยู่สองประโยคครับ คือ  โอ้โห...  กับ  อื้อหื้อ.....
                หมวด ธนิต  ชุมแสง หนึ่งในผู้บริหารร้านกู๊ดวิว บอกว่า อยากให้งานนี้ เป็นที่ประทับใจของลูกค้าของทางร้าน รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ที่เข้ามาเที่ยวเชียงใหม่ 
                เนื่องจาก พลุจุดขึ้นไปกลางอากาศ  ดังนั้นจึงเป็นการโชว์แบบ มหภาค ดูกันได้ทุกมุมเมือง  ไม่เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นลูกค้าของร้าน
                12 นาที ที่พลุชุดสุดท้าย  พุ่งขึ้นไปสร้างความสุขให้กับผู้ชม 2 ฝั่งแม่น้ำปิง    เสียงความพึงพอใจดังระงม พร้อมกับเสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหว
                เพื่อเสียงเหล่านี้   กู๊ดวิว ต้องควักกระเป๋าจ่ายไป สี่แสนห้าหมื่นบาท
               ถือเป็นเสียงอุทานที่..แพงที่สุดในโลกได้มั้ยครับ
                     กุนซือ                                                                                                              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น