วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผจญภัยในโรงหนัง 12/2/2551



                วัยรุ่นทั้งหลายตอนนี้อาจจะนั่งนับถอยหลัง รอคอย 14 กุมภาฯวันวาเลนไทน์ แต่สำหรับผมวาเลนไทน์ตอนนี้ไม่ได้ต่างจากวันไหว้พระจันทร์ของคนจีนไปเท่าไหร่
 เพราะเมื่อพลิกดูบัตรประชาชนของตัวเองแล้ว อ่านวันเดิอนปีเกิดเสร็จสรรพ  วันสำคัญของปีเริ่มเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นวันวาเลนไทน์  วันคริสตมาส หรือว่าวันลอยกระทง 
กลับกลายมาเป็นวันวิสาขบูชาและเข้าพรรษา หน้าตาเฉย  ช่วงหลังเริ่มตั้งปุจฉาว่า เดี๋ยวนี้นอกจากจะเกิดปรากฏการณ์โลกร้อนแล้ว  อาจจะมีปรากฏการณ์โลกหมุนเร็ว เป็นแคมเปญแถมมาด้วยหรือเปล่า  ทำไมเวลาหมุนเร็วกว่าปรกติ  มีผลทำให้อายุผมเคลื่อนไหวเหมือนนักวิ่งร้อยเมตร
ขาโจ๋อาจจะตื่นเต้นรอคอยยื่นดอกไม้ให้แก่กันในวันที่ 14 กุมภาฯ  แต่อย่าลืมว่านาทีนี้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีความสำคัญสำหรับคนไทยไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลยครับ
เพราะเป็นวันเปิดตัวหนังฟอร์มยักษ์ฝีมือคนไทย ตำนานสมเด็จพระนเรศวร  ภาค 2
ถอยหลังไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พอหนังสมเด็จพระนเรศวรภาค 1 ลงโรง  เกิดคำถามสุดฮิต ระบาดไปยังคนไทยทั่วไปไปดูมาหรือยัง  คนไหนตกกระแสยังไม่ได้ไปสัมผัสหนังเรื่องนี้ มักมีประโยคคลาสสิคสำทับตามมาว่า
รีบไป............ให้เร็ว
ผมเองตกกระแสอยู่ถึง 2 อาทิตย์  เพราะไม่อยากเบียดคนเข้าไปดู  ไปดูหนังฟอร์มยักษ์ ที่คนดูยัดเยียดกันเต็มโรง  โอกาสที่จะเจอกับความรู้สึกมีเม็ดกรวดอยู่รองเท้าสูงอย่างยิ่ง  เช่นเสียงโทรศัพท์ดังกังวาน ตอนหนังเข้าช่วงไคลแม็กซ์ หรือ มีกูรูผู้รู้หนังเรื่องนี้เป็นอย่างดียิ่ง พากษ์ประกอบอยู่ข้างหู(รู้ทุกอย่าง  ยกเว้นมารยาทของตัวเอง)  หรือไม่ก็น้องขี้สงสัยถามคนข้างๆมันทุกตอน   จนอยากให้ไปซื้อหนังสืออ่านดีกว่าเข้ามาดูหนัง  เผื่อจะเข้าใจเนื้อหาได้กระจ่างขึ้น
ดีเดย์วันพฤหัสฯที่ผ่าน  กระชากตัวเองไปเดินอยู่หน้าเมเจอร์  เหลือบมองยอดคนดูซึ่งมีไม่ค่อยมาก  เนื่องจากเข้าโรงฉายมานาน ประมาณว่าดูกันทั้งเมืองแล้ว  ยกเว้นพวกตกหล่นที่มาวันนี้
แอร์เย็นฉ่ำ  แต่ขนลุกตั้งแต่ฟังเพลงสรรเสริญพระบารมี  ภาพได้  เสียงได้  อารมณ์รักชาติพร้อม   แอ๊คชั่น หนังฉายเปิดโรง.......
ไม่ถึง 5 นาที   ขณะที่อารมณ์กำลังดื่มด่ำกับอรรถรสของหนัง ก็สะดุดตอจังเบ้อเร่อ  
มันมาแล้วครับ   มันมาแล้ว  อาการรำคาญแบบมีก้อนกรวดในรองเท้าเข้ามาเยือนผม แบบไม่ให้ตั้งตัวมาก่อน  คุณเจ๊นั่งข้างๆ  เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ในกระเป๋า  ผมเหลือบตามอง พยายามมองโลกในแง่ดี  เพราะหนังเรื่องธีมของเรื่องเน้นรู้รักสามัคคี
คงรีบ......เลยลืมปิดมือถือ     Positive  thinking  ครับ Positive  thinking 
ยังครับ  ยังไม่พอ พระเจ้าลงโทษต่อเนื่อง  ผมต้องโดนไปอีกดอกหนึ่ง  เจ๊ค่อยๆล้วงหาโทรศัพท์จากระเป๋าถือ  ก่อนสร้างวีรกรรมด้วยการกดปุ่มรับมือถือพร้อมกระซิบด้วยประโยคคลาสสิคที่ว่า
กำลังดูหนังอยู่.......มีอะไรเหรอ
สองอาทิตย์ที่ต้องอดทน  ยอมตกกระแสนาทีนี้เหมือนมีคนจับเอาไปโยนในโถส้วมแล้วกดชักโครกอย่างแรง   สุดท้ายก็ต้องยอมทำใจร้องเพลงสามัคคีชุมนุมให้กับตัวเอง  เพื่อดึงอารมณ์กลับเข้าไปในหนังอีกครั้ง
เชื่อหรือไม่ครับ  ขณะที่อารมณ์กำลังย้อนรอยกลับมาเป็นปรกติ  นรกเปิดอ้าแขนให้ผมอีกหน  เสียงโทรศัพท์จากคุณยาย 2 คนที่นั่งอยู่แถวหน้าดังขึ้น  เหมือนหนังม้วนเดิมแล้วรีเพลย์ซ้ำ  คุณยายกดปุ่มรับโทรศัพท์พร้อมหล่นประโยคคลาสสิคประโยคเดิม
มีอารายยยยยยยยย   กำลังดูหนังอยู่...
ผมเหลือบตามองไปที่คุณเจ๊  ที่นั่งข้างๆพร้อมความคิดสะใจที่ผุดขึ้นมาในหัวว่า
เหนืออาเจ๊       ยังมีคุณยาย.....(แฮ่ม)
                                                      กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น