วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คอคอตกระ 2/3/2548


            วานก่อนคลิกเข้าไปท่องอินเตอรเน็ต  คลิกเข้าไปอ่านนู๊นอ่านนี่ เหลือบไปเจอกระทู้หนึ่ง ที่สะดุดความคิดทันที คนตั้งกระทู้อยากทราบความคิดเห็นว่า คิดอย่างไรกับโครงการคอคอตกระ  ซึ่งเป็นโครงการที่จะขุดคลองบริเวรด้ามขวานทองของไทยให้เรือสมุทรที่ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแล่นผ่าน
          เวลาคุณๆเอาแผนที่โลกออกมากาง จะเห็นได้เด่นชัดว่าในเขตภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่เรามักจะเรยกในปัจจุบันว่าอาเซียนนั้น  เมืองไทยอยู่ในพิกัด  อยู่ในทำเลที่ได้เปรียบประเทศอื่นๆ
          พูดถึงการเดินทางทางอากาศ เมืองไทยนี่แหละที่นักวิเคราะห์ปีกธงว่าเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางทางการบินของอาเซียน นกเหล็กแต่ละลำจะไปต่อที่ไหน ก็มักจะแวะลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง  เครื่องเทคออฟจากอังกฤษบินมาเรื่อยๆผ่านตะวันออกกลางผ่านอินเดีย จะไปฮ่องกง ก็ต้องแลนดิ้ง ลงจอดที่เมืองไทย เติมน้ำมัน ให้ผู้โดยสารได้เดินออกมายืดเส้นยืดสายประมาณชั่วโมง แล้วค่อยบินต่อ  หรือบินจากเมืองจีนจะไปออสเตรเลีย แหม..จะมีที่ไหนทนาลงจอดเปลี่ยนเครื่องเท่ากับเมืองไทยอีก
          เห็นอย่างนี้นึกออกมั้ยครับว่า ประเทศเรามีทำเลทองอย่างไรบ้าง แต่ที่ผ่านมาแทนที่จะฉกฉวยเอาความได้เปรียบนี้ไว้ใช้ กลับต้องถูกทำลายไปกับนักการเมือง ที่มีแต่พูดแต่ทำไม่เป็น ผลงานแต่อย่างที่ต้องใช้หัวคิด กลับทำไม่ได้ ทำได้แค่สร้างถนน ขุดท่อ คิดค่าต๋ง ไปงานศพ เข้างานบวช ล้วนแล้วแต่สะกดด้วยคำว่าผลประโยชน์กันทั้งนั้น เมืองไทยก็เลยต้องเดินแต่ครั้งก้าวย่ำอยู่กับที่ บางทีจะเดินถอยหลังเข้าให้ก็มี
          วกกลับมาถึงมุมมองเรื่องการตัดคอคอตกระ ในภาคใต้ จากหลายมุมมองที่มีคนตอบกระทู้นี้เห็นว่ามีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และอีกหลายคนก็ไม่สนใจบอกว่าถ้าทำแล้วเศรษฐกิจมันดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ทำไปเถอะ..ประมาณนั้น  
                   อีกหลายฝ่ายกลัวว่าจะเกิดความแตกแยกในประเทศ เพราะพอมีคลองก็เหมือนกับประเทศไทยโดนหั่นออกเป็น 2 ส่วน  และอีกไม่น้อยบอกว่ารีบทำ เพราะถ้าอยากให้ไทยฟื้นจากพิษไข้เศรษฐกิจ โครงการคอคอตกระนี่แหละเป็นความหวังที่มีความเป็นจริงมากที่สุด


            สมมุติว่าคุณๆเป็นพ่อค้าจีน ประเทศที่มีประชากรอยู่ถึง 1,320 ล้านคน กำลังผลิตเหลือเฟือผลิตสินค้าออกมามากมายก่ายกอง ขนใส่เรือไปขายให้กับอินเดีย ประเทศที่ประชาชนแตะ 1,000 ล้านคนเมื่อไม่นานมานี้ เอาแค่ 2 ประเทศนี้ สินค้าจำนวนมหึมา ที่ถูกขนถ่ายไปมาซึ่งกันและกัน หลับตานึกออกมั้ยครับว่าเม็ดเงินมากมายขนาดไหน
          ทีนี้สินค้าจำนวนมากๆการขนถ่ายก็ต้องใช้เรือนี่แหละครับ ลองลากเส้นทางเดินเรือจากเมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองท่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของจีนไปอินเดีย เห็นเรือค่อยๆแล่นมาทางทะเลจีนใต้ มุ่งหน้าเข้าหาสิงคโปร์ เกาะเล็กกระจิ่วหลิวยิ่งกว่าเกาะภูเก็ตบ้านเรา จอดพักตรงนั้นก่อนแล่นอ้อมแหลมมลายู ตีโค้งหลายพันไมล์ทะเล ก่อนตั้งเข็มทิศขึ้นเหนือมุ่งเข้าหาอินเดีย
          ถ้าเผอิญดันมีการตัดคอคอตกระ สมมุติว่าอยู่แถวระนอง คุณเป็นกัปตัน คุณจะใช้เส้นทางไหน ถ้ากัปตันไม่โง่ ก็ต้องเดินเรือมาทะเลจีนใต้  อะแฮ้มเลี้ยวขวาเข้าอ่าวไทย ตัดทะลุเห็นทะเลอันดามัน ตั้งเข็มทิศใหม่แล่นตรงเข้าหาอินเดีย
          ย่นระยะทางได้อย่างเหลือเชื่อ ประหยัดทั้งพลังงาน แถมใช้เวลาน้อยกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง คุ้มสุดคุ้มถึงแม้จะต้องเสียเงินค่าทำเนียมในการแล่นผ่าน ให้กับประเทศไทยแต่มองอย่างไรๆก็ปฏิเสธไม่ลง  เหมือนกับคลองปานามา ที่กลายเป็นเส้นทางลัดของเรือสมุทรมาจนทุกวันนี้
          สายตาของพ่อค้าทุกคู่ก็ต้องเหลือบมาจ้องมองเมืองไทยของเรา  ใครก็คิดออกครับว่าถ้าเป็นอย่างนี้เมืองไทยจะเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดในเอเซีย นักลงทุนแห่หอบเม็ดเงินเข้ามาลงทุน เพราะต้องการปักฐานการลงทุนก่อนจะสาย น่าสงสารก็แต่สิงคโปร์ ที่มนต์เสน่ห์จะหดหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ 
          มีคนเคยกล่าวหาว่าสิงคโปร์กลัวโครงการนี้จับจิตจับใจ พยายามทุกหนทางเพื่อไม่ให้คอคอตกระเกิดได้ เพราะมองเห็นหายนะของประเทศตัวเอง มีการทุ่มเงินให้นักการเมืองไทยเพื่อคุมกำเนิดคอคอตกระไม่ให้เกิด จะเอาเงินเท่าไหร่ไปซื้อเสียง บอกว่าจะประเคนให้แต่พอเป็น .สแล้วอย่างลืมที่ไอสั่งไว้ อย่าให้โครงการนี้เกิดเป็นเด็ดขาด
          เราๆท่านๆก็เลยได้ยินแต่คำพูดกรอกเข้าหูว่าถ้าสร้างเสร็จภาคใต้จะถูกกลืนไปเป็นของมาเลเซีย เกิดความแตกแยก  ,ต้องใช้เงินงบประมาณหลายหมื่นล้าน ฯลฯ ถึงตอนนี้ต้องรอดูกิ๋นของรัฐบาลทักษิณว่าจะมองเรื่องนี้อย่างไร  กล้าตัดสินใจบุกหรือไม่ หรือปล่อยให้โครงการนี้ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าต่อไป
                                                                   กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น