เมื่อ”ลมหนาว”พัดเข้ามาเมื่อไหร่ บรรดาคนไทยที่ชื่นชอบกีฬา กอล์ฟ มักจะเริ่มอาการ”สยอง” เพราะถือว่ากำลังเข้าสู่ช่วง “เกาหลี พลัดถิ่น” ตั้งแต่คุณน้อง ปัก เซ รี ขึ้นไปสร้างชื่อใน แอล.พี.จี.เอ ปรากฏว่ากีฬากอล์ฟ กลายเป็นกีฬายอดนิยมของแดนกิมจิ
เด็กตัวเล็กๆ โดยคุณพ่อ สั่งให้หยิบไม้กอล์ฟมาหัดสวิงแบบเป็นเรื่อง เป็นราว หวังว่าซักวันหนึ่งจะสร้างชื่อเสียง และแน่นอนครับเงินทองไหลมา เทมา เพราะเม็ดเงินในกีฬากอล์ฟในระดับอาชีพนั้น ขึ้นแท่นครองมือหนึ่งมานาน
แต่คนเกาหลีโชคร้ายอย่างหนึ่งคือ ค่ากรีนฟี ที่ตีตั๋วเข้าไปเล่นในสนามกอล์ฟที่เกาหลีนั้น แพงหูฉี่ ถ้าเทียบอัตราราคาในแบบเห็นภาพ จะได้สมการว่า ออกรอบเกาหลีหนึ่งครั้ง = คนไทยเป็นลมพร้อมกัน 3 คน
เห็นราคาปุ๊บ คอพับ ทันที ไม่มีเงื่อนไข
ดังนั้นพอหิมะตกที่เกาหลีปุ๊บ คนเกาหลีก็จะแบบถุงกอล์ฟ กระโดดขึ้นเครื่อง และแน่นอนจุดหมายปลายทาง ไม่มีที่ไหนดีกว่า สยามเมืองยิ้มของเรา เพราะนอกจากประเทศไทยมีสนามกอล์ฟมากมาย ให้เลือกเล่น แถมยังราคาถูก บริการในระดับวีไอพี หลายสำนักฟันธงแบบพร้อมเพรียงกันว่า โลกใบนี้ ไม่มีชาติไหนให้บริการเทียบเท่าพี่ไทยของเรา ตามสโลแกน”บริการแบบเป็นมิตร ขอให้ทิปหนักๆเป็นพอ”
หลายปีก่อน ยุคที่ แด จัง กึม ยังไม่เข้ามาในประเทศไทย ผมไปเปิดดูราคาทัวร์ในหนังสือพิมพ์ เห็นราคาแล้วต้องกระโดดหัวแทบชนฝา ขยี้ตาอีกหลายรอบ บินเหินฟ้าไปเที่ยวเกาหลี 4 วัน 3 คืน พักโรงแรมระดับ 3 ดาว อาหารครบ 3 มื้อ โปรแกรมเที่ยวแน่นเอี๊ยด แถมยังพาไปเล่นสกีหิมะอีกต่างหาก เคาะราคาออกมาที่ 18,000 บาท/คน
หยิบเครื่องคิดเลข ออกมาคำนวน 18,000 บาท ถ้าผมซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวภูเก็ต นอนโรงแรม 3 ดาว อาหารยังไม่ต้องกิน หิมะไม่มีทางเห็น สงสัยเงินหมดแล้ว ใครจะบอกให้”ไทยเที่ยวไทย...ตูไม่สน ตูจะไปเกาหลี”
ไปถามไถ่บริษัททัวร์ ได้คำตอบบางอ้อว่า ที่ราคาถูกเหลือเชื่อเพราะ คนเกาหลีแห่มาเล่นกอล์ฟที่เมืองไทย กันในระดับ”ยกโขยง” แต่ละคน แต่ละกรุ๊ปอยู่กันเป็นเดือนๆ ตระเวณเล่นกอล์ฟทั่วไทย เพราะค่าใช้จ่าย ดังนั้นต้องเล่นให้หนำใจ
ปัญหามันเลยเกิด เพราะอีตอนบินจากเกาหลีมา คนมันแน่นเต็มลำ แต่ตอนขากลับ อาจจะต้องปลุกพระนั่งเครื่อง เพราะเบาะว่างทั้งลำ ในบรรยากาศวิเวก วังเวงเป็นที่สุด รัฐบาลเกาหลีก็เลยต้องแก้เกม สั่ง ททท.กิมจิ ปรับกลยุทธ์ ดัมพ์ราคาดึงนักเที่ยวเมืองไทยไปเที่ยวแดนโสมบ้าง เพราะบวก ลบ คูณ หาร แล้ว อาจจะได้เม็ดเงินกลับคืนมา เพราะชื่อเสียง”ช๊อปแชมป์”ของพี่ไทยนั้นร่ำลือ ไปทั่วโลก เป็นการชิงโจมตี”จุดอ่อน”ของฝ่ายตรงข้าม
ตอนนี้เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่ ปีนี้เผาจริง ปีหน้าเก็บกระดูก เราต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสครับ ต้องหาทางดึงเงินวอนเข้ามาในไทยมากๆ วิธีหนึ่งคือต้องทำเป็นเครือข่าย ให้ครบวงจร ไหนๆคุณพี่ก็”บ้ากอล์ฟ”กันทั้งประเทศแล้ว เราก็ใช้กอล์ฟนี่แหละครับเป็นตัวนำทัพ
ตื่นเช้ามา จับขึ้นรถ ไปส่งสนามกอล์ฟ ตีกันให้หนำใจ ตกบ่ายไปรับขับตรงไป”นวดเท้า” เผื่อว่าพรุ่งนี้จะไม่ต้องบ่นอิดออด ว่าเดินตีกอล์ฟเยอะ ปวดขา เดินใม่ไหว นวดกันให้เดินตัวปลิว พรุ่งนี้จะให้ไปวาดวงสวิงต่อ ยกระดับให้เป็นพ่อพระ ของบรรดา แค๊ดดี้ ทั้งหลาย
พอเย็นย่ำ แถวบ้านน้า เขาว่า” เนื้อย่าง” ดังไม่ใช่เหรอ แถวบ้านผมต้องนี่”หมูกะทะ ” รับประทานให้อิ่มหนำสำราญ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่เรอ ไม่ต้องกลับที่พัก
เมื่อก่อนเวลาพูดถึงเกาหลี คนไทยมักมีสำนวนว่า”ไปเกาหลี กินเกาเหลา แล้วไปเกาหลัง”
มาถึงตอนนี้ต้องให้”กิมจิชน”ทั้งหลาย ท่องนิยามให้ได้ว่า
เมื่อฟ้าสีทอง แล้ว”เงินวอน”ผ่องอำไพ
ตูจะไม่ยอมไปไหน นอกจากเมืองไทย ....นะ ตัวเอง
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น