วานก่อนนั่งคุยกับจิระวัฒน์ ตันเกษม เจ้าของฉายา”โอ๋ เชียงใหม่” นั่งคุยกันสารพัดเรื่องสุดท้ายก็มาจบที่เรื่องถนัด”สนุกเกอร์” กีฬาที่คนไทยเถียงกันมานานว่าจะเป็นกีฬาหรือว่าการพนัน สุดท้ายก็ลงความเห็นเหมือนนานาชาติคือจัดให้อยู่ในประเภทของกีฬา
ชั่วโมงนี้ในนามบัตรของ”โอ๋ เชียงใหม่”เขียนเอาไว้ว่า ผู้ฝึกสอนนักกีฬาสนุกเกอร์เยาวชนของจังหวัดเชียงใหม่ ฝีไม้ลายมือเลยไม่ต้องพูดถึง ภาษาข้างโต๊ะเรียกว่า”เซียน”
โอ๋ เล่าว่าในวงการสนุกเกอร์จะมีฉายาให้เรียกขาน เพื่อจะจดจำง่าย รู้ว่าใครเป็นใคร เช่นต๋อง ศิษย์ฉ่อยที่เราๆรู้จักกันดี พอฟังปุ๊ปก็ไม่ต้องถามว่าอาจารย์ของต๋อง ชื่ออะไร.....
คุณพี่ตุ้ย ตอแย แห่งหน้าบันเทิงเชียงใหม่นิวส์ ถ้าเผลอไปหยิบไม้คิวเมล่นสนุกเกอร์ จนเก่ง ฉายาก็คงต้องเป็น “ตุ้ย เชียงใหม่นิวส์” ฉายาเพี้ยนเป็นอย่างอื่นยาก
แต่ถ้าพื้นที่เชียงใหม่ ใครมีฉายา”เชียงใหม่”ห้อยท้าย รับรองว่าฝีมือต้องไม่ธรรมดา เพราะหมายถึงความยิ่งใหญ่ระดับจังหวัด เป็นตัวแทนของจังหวัดไปปะทะกับจอมคิวทั่วประเทศ
ฉายา”เชียงใหม่”ห้อยท้ายจึงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย อย่างน้อยต้องออกคิวได้ประมาณ 6 แดง หมดโต๊ะ ถึงจะเข้าเกณฑ์พิจารณา
สมัยก่อนตอนที่สนุกเกอร์ถูกถีบเข้าไปอยู่ในซอกมืด เพราะถือว่าเป็นการเล่นพนัน สายตาที่ผู้คนมองกีฬานี้ค่อนข้างจะรังเกียจว่าเป็นที่ซ่องสุมของบรรดานักเลง นักการพนัน ใครหลุดเข้าในในวังวนอนาคตก็ดูจะมืดมัว
แต่เชื่อมั้ยครับว่า ถามชายไทย 10 คนรับรองว่า 9 คนครี่ง ชีวิตนี้ต้องเคยสัมผัสเกมสนุกเกอร์
หลังจากที่ศักดา รัตนสุบรรณ “พ่อมดแห่งวงการสนุกเกอร์ไทย “ปลุกผี”กีฬานี้ขึ้นมาใหม่ และ”ต่อง ศิษย์ฉ่อย”โด่งดังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในนามของ”ไทยทอร์นาโด” วงการสนุกเกอร์ไทยก็ปรับเปลียนรูปโฉมหน้าตากันใหม่หมด
จากเดิมที่สถาพบรรยากาศซอมซ่อ กลับกลายเป็นโอ่อ่า สวยงาม ปูพรม ติดแอร์ มีพนักงานใส่ยูนิฟอร์มที่เป็นระเบียบ เรียบร้อย สร้งภาพพจน์ใหม่ชนิด”หน้ามือเป็นหลังมือ”
หลังจากไปอบรมโค๊ชมาเสร็จสรรพ ”โอ๋”เริ่มสร้างนักกีฬาเยาวชนป้อนให้กับวงการสนุกเกอร์เชียงใหม่ ถึงตอนนี้หลายคนที่ขัดเกลาสร้างชื่อเสียงระดับประเทศ จนถึงระดับเอเซีย
“โอ๋” เล่าให้ฟังว่าความจริงกีฬาสนุกเกอร์ มันมีเส้นผมบังภูเขาอยู่เส้นหนึ่ง เขาเองก็ไม่เคยรู้ แต่หลังจากอบรมผ่านการเรียนรู้การเป็นโค๊ช ก็เริ่มตีโจทย์แตก
การเล่นจากเดิมที่อาศัยสไตล์”เดินหน้าแล้วฆ่ามัน” ตอนสมัยเป็นวัยรุ่นพออายุมากขึ้นอาการ”ก้มเป็นลง”ก็เริ่มหดหาย ก้ต้องอาศัยกลยุทธวิชาที่ได้มาปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่น เพื่อให้ได้ชัยชนะเหมือนเดิม
วิธีคิดแบบหนึ่งที่น่าชมเชยคือ เมื่อมีความรู้แล้วอย่าง”หวงวิชา” ดูจากประวัติศาสตร์ไทย หลายองค์ความรู้ที่ดีๆของไทยหายสาบสูญไปเยอะ เพราะบรรดาครูทั้งหลายเกิด”หวงวิชา”ในที่สุดวิชาทั้งหลายก็ตายตามตัวครูไป
ถึงตอนนี้เขาอยากเป็นคนอาสาถึง”เส้นผม”ออกเพื่อให้คนเห็นภูเขา “กุนซือ”เลยเป็นคนอาสา นำข่าวมาบอกถึง”จอมคิว”ทั้งหลายว่าใครอยากปรึกษา ให้”โอ๋”เป็นติวเตอร์ เผื่ออนาคตอาจจะมีจะมีคำว่า”เชียงใหม่”ห้อยท้ายชื่อ หยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ 06-6577112 ครับผม
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น