วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตะลุย..อมก๋อย 2/1/2550




          ผมสะพายเป้ พเนจรไปอมก๋อยเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยบัญชามาจากคุณพี่ฟ้าฮ่ามประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปแจกเครื่องกันหนาวสำหรับชาวบ้านที่เดือดร้อนอันเนื่องมาจากภัยหนาว ซึ่งปีนี้ถือว่าพุ่งขึ้นไปในระดับหนาวมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
                โจทย์หลักที่เขียนไว้ก่อนเดินโครงการคือ อยากไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ นั่นหมายถึงจุดหมายปลายทางที่อยู่ลึกห่างจากความเจริญ ซึ่งจะทำให้การนำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่ประชาชนบริจาคฝากมา สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง
                บ้านตองหลวงคือชื่อที่นายอำเภออมก๋อยลิขิตมาให้ เพราะชาวบ้านเดือนร้อนค่อนข้างมาก ประกอบกับทำเลที่ตั้งทีอยู่ลึกไปในป่าประมาณ 35 กิโลเมตรจากตัวอำเภออมก๋อย 
                ฟังตัวเลขแล้วหลายคนเริ่มออกอาการไม่สบายขึ้นมาทันที เพราะแค่เดินทางไปอมก๋อย บางคนก็เริ่มเบือนหน้า  นี้ต้องเข้าป่าอีกหลายสิบกิโลฯ บางคนอาจจะเริ่มหาดอกไม้เอามาเด็ดใบ ปากก็พร่ำพูดว่าไปกับไม่ไป
                โชคดีที่ได้คุณอิ๋วสงวน  ลิ้มเล็งเลิศ บิ๊กทบอสแห่งโตโยต้าล้านนา อนุเคราะห์พาหนะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อให้หลานคัน เพื่อลำเลียงนักข่าวไปบุกป่าและฝ่าดง เพราะเส้นทางที่สำรวจมา สรุปได้คำเดียวสั้นๆว่า
                ถ้าจะไปให้ถึงต้องขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น อย่างอื่น      มิต้า......ไม่
                เส้นทางหฤโหดแค่ไหน  ขออนุญาตินำมาขับขานเล่าให้ฟังวันหน้า นำร่องแค่ว่าเจอทางขึ้นเขาบางโค้งพลขับต้องจอดทำใจว่าจะขึ้นหรือไม่   ก่อนสวดนะโม  แคล้วคลาด แคล้วคลาด กันทั้งรถ
                ขบวนไปถึงบ้านตองหลวงตอนเย็นย่ำประมาณ 5 โมงกว่าๆ  ก้มลงมองนาฬิกา ออกสตาร์ทจากตัวเมืองเชียงใหม่ตอน8 โมงเช้า รวมเวลาเบ็ดเสร็จเขียนเครื่องหมายเท่ากับเวลาเดินทางรถทัวร์จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ
                เชียงใหม่-อมก๋อย-บ้านตองหลวง  บนแผนที่ใกล้นิดเดียว  แต่ความเป็นจริงไกลจนคิดไม่ถึง
                ตกกลางคืน เด็กๆก็ออกมาแสดงการละเล่นให้ดู  เพื่อตอบแทนน้ำใจจากคนเมืองทั้งหลายที่มาช่วยเหลือพวกเขา  มองเห็นเด็กตัวเล็กๆออกมาเต้น  ออกมาระบำให้ดู เห็นแล้วเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ที่คอหอย
                หลับตานึกภาพคนเมืองทั้งหลาย เมื่อไปถึง แต่ละคนกางเต๊นท์ หยืบเสื้อหนาวออกมาใส่ บางคนใส่ 2 ตัว  บางคน 3 ตัว  หัวก็ใส่หมวกคลุมมิดชิด ผ้าพันคอพันจนหนา  อยู่ข้างนอกมองเข้ามาที่กองไฟ เหมือนมีบรรดาหมีแพนด้ากลุ่มใหญ่นั่งสุมไฟกันอยู่
                ในขณะที่เด็กตัวเล็ก ใส่เสื้อผ้าดิบผืนเดียวคลุมร่าง   ไม่ต้องบอกว่าลมหนาวที่คนเมืองกรุงอยากสัมผัส จะทำร้ายพวกเด็กๆเหล่านี้สาหัสแค่ไหน
                ผมเริ่มรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมา ตัวเองโชคดีมากแค่ไหน  ที่มีโอกาสมากมายกว่าเด็กเหล่านี้หลายพันหลายหมื่นเท่า 
                ถ้าใครที่เบื่อหน่าย  ท้อแท้กับชีวิต ตะโกนโทษฟ้าดินที่ไม่ยุติธรรมกับชีวิตของตัวเอง
                ขอแนะนำว่าลองไปแจกผ้าห่มที่บ้านตองหลวงซักครั้ง  รับรองว่าวิธีคิดเกี่ยวกับชีวิตจะดีขึ้น
                                                                                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น