วันเสาร์ที่ผ่านมา ไปงาน”โบว์ลิ่ง ฉลอง 100 ปี” ของโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัย ที่บูลลี่ โบว์ อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว งานนี้ศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุปัน เดินชนกันเหมือนเที่ยวตลาดนัด
งานแบบนี้ผมค่อนข้างจะชอบ เพราะนอกจากจะได้พบปะบรรดาเพื่อนฝูง รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่หลายคนห่างกันไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นอกมั่นใจอย่างหนึ่งคือ งานนี้ไม่มีคำว่า”คุณอา”หรือว่า”คุณลุง”หลุดออกมาให้บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลานระคายหู
รุ่นน้องขานชื่อนำหน้ารุ่นพี่ทุกคนว่า”พี่”หมด ถือว่าเป็นอภินิหารของระบบ”โซตัส”
ก่อนเข้างานหลับตานึกถึงเด็กรุ่นน้องอายุ 18-19 ปี เรียกเราว่า”พี่ๆๆๆๆ” ตลอดทั้งวัน ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงในจิตใจว่า”อันตัวตูข้า ยังอยู่ในช่วง…..วัยฉกรรจ์”
ครั้งแรกตั้งใจว่ามางานนี้ในฐานะ”นักสังเกตการณ์” เพราะครั้งที่แล้วเผลอนึกว่าตัวเองยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หยิบลูกโบว์ลิ่งออกมาโยนโครมๆๆๆๆ
ผลสุดท้ายต้องนอน”เดี้ยง”อยู่บนเตียงหลายวัน เพราะกล้ามเนื้อโคนขาซ้ายฉีก
สาบานต่อหน้าทีวีว่า ต่อไปนี้เดินหันหลังให้กับเลนโบว์ลิ่ง ตลอดกาล
ชาติก่อนผมอาจจะเป็นฆาตกรที่เอาลูกโบว์ลิ่งทุ่มหัวคนตาย กรรมจึงมาตามทันในชาตินี้แบบไม่หยุดหย่อน รุ่นผมซื้อบัตรเข้าร่วมแข่งขัน 2 ทีม แต่พอถึงวันงานเพื่อนร่วมรุ่นติดงานไม่ว่างกันเป็นทิวแถว
เหลือผมกับเพื่อนอีก 1 คน ที่ต้องรับภาระเข้าร่วมแข่งขันในนามของรุ่น ผมรีบบอกปฎิเสธเสียงแข็งบอกเพื่อนว่างานนี้ขอบาย เพราะว่าเดาอนาคตออกว่าร่างกายจะออกมาในรูปใด
“โจอี้” ณัฐ ค้ำกุล เพื่อนร่วมรุ่นอีกคน ในฐานะประธานจัดงาน เดินมากระซิบข้างหูว่า “มึงแข่งไปก่อนเถอะ เพราะมีสิทธิลุ้นได้รางวัลใหญ่ตอนแข่งขันด้วยนะ”
เกิดมาผมไม่เคยเป็น”คนโลภ” แต่วินาทีนั้นสปิริตของรุ่น พลุ่งพล่านทะลุเพดานขึ้นมาแบบไม่ทราบเหตุผล รีบเดินไปเปลี่ยนรองเท้า หยิบลูกโบว์ลิ่งมาโยนโครมๆๆๆๆ แบบไม่หันกลับไปมองอดีต
แต่หูก็เงี่ยฟังพิธีกรเป็นระยะๆ เผื่อว่าโชคจะเข้าข้าง รับรางวัลกับเขาบ้าง
2 เกมต่อมา กล้ามเนื้อต้นขาซ้าย เริ่มส่งสัญญาน เอส.โอ.เอส ว่าหากยังดันทุรังต่อไป เภทภัยจะมาถึงอย่างแน่นอน แต่ในใจก็ตะโกนบอกว่า”เกมยังไม่จบ แล้วจะหยุดได้อย่างไร” คล้ายๆกับขี้เมาทั้งหลายที่โดนตำรวจจับว่าเมาสุราแล้วขับรถ หันไปแก้ตัวด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ว่า
“แหม...จ่า ถ้าเมาไม่ขับ แล้วตูจะกลับยังงัย”
เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการสายฟ้าฟาดตรงโคนขาข้างซ้าย เหมือนฝันร้ายกลับมาหลอนอีกครั้ง เข้าใจความหมายของคำว่า”เดี้ยง”ได้ถ่องแท้มากขึ้น คราวนี้ไม่ต้องสาบานกับทีวีอีกรอบ แต่บอกกับตัวเองว่าคราวหน้าถ้าทำอีกโดน..บ้องหูอย่างแรงแน่นอน
เลยฝากขออนุญาตเตือนภัย วัยรุ่นตอนปลายถึงปลายมาก ว่า
“ถ้าไม่ฟิตจริง อย่าคิดโยนโบว์”
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น