กลายเป็นสิ่งแยกไม่ออกไปเสียแล้วครับสำหรับชีวิตแบบไทยๆที่ต้องมีมือถือติดตัว ถ้ามายืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งสำรวจตรวจสอบดู คนไหนที่ไม่มีมือถืออยู่ในมือ ในใช้” verb to เดา “ เอาไว้ก่อนว่า ถ้าบ้านไม่อยู่หลังเขา ก็ต้องเป็นผู้เฒ่าแก่ชรา
เห็นข่าวที่เด็กนักเรียนโรงเรียนหนึ่ง ที่รวมตัวประท้วงที่โรงเรียนไม่ยอมให้ใช้โทรศัพท์มือถือในเวลาอยู่ในห้องเรียน จนสุดท้ายโรงเรียนต้องยอมผ่อนผันให้ใช้ในเมื่อจำเป็นเท่านั้น
อ่านข่าวนี้เสร็จ ต้องก้มหน้าคิดว่า ประเทศไทยกลายเป็นเมืองอะไรไปแล้ว ถ้าเด็กนักเรียนไม่มีมือถือเข้าไปในห้องเรียน ไม่ได้คุยโทรศัพท์
จะเกิดอาการเหมือนคนติดยาที่”ลงแดง”กันทั้งห้อง
คุณครูก็ใจดีเหลือหลาย ทำทีเป็น”ไม่อนุญาติ แต่อนุโลม” เด็กทั้งหลายก็ไชโยโห่ฮิ้ว แฮปปี้กันถ้วนหน้า ถ้าโรงเรียนทั้งหลายเป็นแบบนี้ หลับตาเห็นอนาคตไทยแลนด์ในวันข้างหน้าแล้วก็..เศร้าใจ
สมันก่อน รุ่นน้องผมตั้งกลุ่มประท้วงคุณครู ฝ่ายปกครอง ว่าด้วยกรณีทรงผมนักเรียน โดยยื่นเรื่องว่า”ข้างๆเกรียนไม่ว่า แต่ข้างหน้าขอ 4 เซนฯ”
คุณครูบอกว่ามีทางเลือกให้ 3 อย่าง 1.จะกลับเข้าแถว ทางเลือกที่ 2.จะเดินเข้าไปโดนหักหมาย ที่ฝ่ายปกครอง หรือทางเลือกสุดท้าย ถูกทุกข้อ
สุดท้ายนักเรียนชายทั้งหลาย ไม่เคยมีใครไว้ผมข้างหน้าเกิน 4 เซนติเมตร
เหลียวกลับมามองผู้คนที่ในวัยทำงานกันบ้างที่ชั่วโมงนี้”ชีวิตกับมือถือ”แยกกันไม่ออกเหมือนแฝดอิน-จัน ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเห็นเม็ดเงินตรงนี้ ก็ตาลุกวาวๆๆๆ ออกแคมเปญมากระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตา เพื่อแย่งชิงฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด
ตรงกับสโลแกนการาตลาดที่ว่า “ที่ไหนมีการแข่งขันสูง ที่นั่นผู้บริโภคจะเป็นผู้ได้เปรียบ “ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นของดี ราคาถูกในยุคปัจจุบัน แตกต่างกัยยุคแรกที่ราคาเครื่องละเกือบแสนบาท
หลายคนพอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เริ่มเหลียวซ้ายมองขวา เพราะไม่รู้จะรับเครื่องไหน เครื่องใช้โทรออก เครื่องนี้ใช้รับสายธุรกิจ ส่วนเครื่องที่แอบตรงกระเป๋าเป็นเครื่อง”สายด่วน ตรงหากิ๊ก”
จากเดิมที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา ก็จำแลงร่างกลายเป็น”มนุษย์สื่อสารเต็มรูปแบบ”
นี่ถ้าเป็นตำรวจหรือนักข่าว เหน็บ ว. เพิ่มเข้าไปที่ข้างเอวอีกหนึ่งตัว รับรองดูไม่จืด การันตีให้ประชาชีทั้งหลายได้ทราบโดยถ้วนหน้าว่า”รับรองว่าข้า ไม่มีทางหายสาปสูญ” อยากเจอเมื่อไหร่ ติดต่อได้ตลอด
มือถือที่ระบาดในเมืองไทย เลยทำให้เกิดโรคใหม่โรคหนึ่งขึ้นมา โดยไม่ได้นัดหมาย
“โรคขาดความมั่นใจ”ครับ
ลองสังเกตุดู ถ้าเมื่อไหร่คนข้างๆออกมาข้างนอก แล้วลืมมือถือทิ้งเอาไว้ที่บ้าน รับรองได้เลยครับอาการ”ขาดความมั่นใจ”จะตามมาหลอกหลอนทันที
อยู่ไหน ก็ไม่มีความสุข กระวนกระวาย อยากกลับไปเอามือถือที่บ้าน นั่งกินข้าวกับเพื่อนจิตใจก็นึกไปโน่นบ้าง นี่บ้าง ตอนนี้อาจจะมีใครโทรหาหรือเปล่าหนอ ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินแล้วใครจะรู้มั้ยว่าฉันอยู่ไหนฯลฯ
ชีวิตทั้งวันไม่มีความสุข จนกว่าจะกลับไปหา”มือถือ”ลูกรัก
ชีวิตกับมือถือของคนไทย เอวังด้วยประการฉะนี้
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น