ไปอมก๋อยมาครับ สองปีที่ผ่านมา “อมก๋อย”เป็นเป้าหมายหลักของชมรมผู้สื่อข่าว จังหวัดเชียงใหม่ ที่จะต้องแวะเวียนไปเยือน ด้วยประเด็นหลักคือ นำผ้าห่ม เครื่องใช้ไม้สอย รวมถึงอุปกรณ์การเรียน นำไปแจกให้กับหมู่บ้าน ที่ห่างไกล และขาดแคลน
โดยพิกัด ที่ใช้ในการพิจารณาเป้าหมาย เน้นตรง”พื้นที่ที่อยู่ลึกและอยู่ห่างไกลความเจริญ”
2 หัวเรือใหญ่ ของานนี้ทุกปี หนึ่งก็คือ คุณพี่ฟ้าฮ่าม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ และ”เฮียอิ๋ว” สงวน ลิ้มเล็งเลิศ จากโตโยต้า ล้านนา
ปีนี้ พิกัด เป้าหมาย คือหมู่บ้านห้วยแห้ง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่า รถที่เข้าไปในพื้นที่ได้ ก็ต้องเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเส้นทางค่อนข้างจะ”ทรมาน”ทั้งคนขับ และคนโดยสาร งานนี้ผมเองรับบทเป็นพลขับ เลยได้สัมผัสกับพลังขับเคลื่อนของรถโตโยต้า วีโก้ แบบเต็มๆ
สาบานว่าไม่ได้ค่าโฆษณา แต่ขอยกนิ้ว ซูฮก ให้กับเครื่องยนต์ ของโตโยต้า วีโก้ เพราะทุกเส้นทางถึงแม้จะลำบาก บวก ลำบน แค่ไหน รถยังวิ่งฉิว แบบไร้ปัญหา ทางสูงชัน แค่ไหน รถไต่ขึ้นเขาแบบ”ชิวๆ” เหยียบคันเร่งเบาๆ ก็ไต่ผ่านแบบสะดวก โยธิน
หลังทดสอบแบบ”ไม่เป็นทางการ” เกิดอาการ”อยากได้ แบบไม่รู้สาเหตุ” กิเลสความอยาก เริ่มพอกพูน แต่กระเป๋าสตางค์ไม่อำนวยความสะดวก นาทีเรี่มวางแผนว่า เมื่อไม่ได้ทางตรง ก็ต้องมาทางลัด ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องด้วยกล กระซิบบอกตัวเองว่า หลังจากนี้ ความหวังทั้งหมด เรืองรองอยู่บนแผงหวย เดือนหนึ่งได้ลุ้นสองครั้งแบบเต็มๆ ว่าจะได้เชยชม โตโยต้า วีโก้ เป็นของตัวเองหรือไม่
งานนี้ทุ่มสุดตัว งวดละ 3 ใบ...แฮ่ม
อมก๋อย ยังคงเป็น อมก๋อย ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อติดโผว่าอยู่ ในอาณาเขตของจังหวัดเชียงใหม่ หัวเมืองใหญ่ของภาคเหนือ แต่หลายหมู่บ้านในอำเภอ อมก๋อย ยังคงยากจนอยู่ สาเหตุหนึ่งคือพื้นที่อยู่ในภูเขา การเดินทางคมนาคมค่อนข้างจะลำบาก
แต่ละหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าเขา กระจายกันอยู่ตามหุบเขานั้น ไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านยังคงต้องดำรงชีพอยู่กับผืนป่า เพราะความเจริญยังเข้าไม่ถึง ยิ่งเป็นฤดูฝน ก็ไม่ต้องพูดถึง การเดินทางสัญจรระหว่างหมู่บ้านที่ลึกเข้าไปในป่า กับตัวอำเภอ แทบจะตัดขาดออกจากกัน
หน้าฝน ก็โดนตัดขาดจากโลกภายนอก พอมาถึงหน้าหนาว ถึงแม้เส้นทางจะใช้สัญจรได้บ้าง แต่ก็ต้องมาโดนภัยหนาว เข้าซ้ำ ตอนออกเดินทางไปงานนี้ คณะคาราวานเริ่มสตาร์ทจาก โตโยต้า ล้านนา บนถนนโชตนา ประมาณ เจ็ดโมงครึ่ง ขับปุเลงๆ ตั้งแต่ถนน 4 เลน จนเหลือ 2 เลน จากถนนลาดยาง 2 เลนกลายเป็นถนนลูกรัง สุดท้ายก็เป็นถนนประเภท ถนนป่า ที่ให้”ช้างเดิน”
มาถึงหมู่บ้าน ห้วยแห้ง หยิบนาฬิกาออกมาดู ปาเข้าไปเกือบสี่โมง ใช้เวลาเกือบ 9 ชั่วโมง ถือเป็นการ”ทำบุญ”ในแนว”ผจญภัย”ได้อย่างเต็มปาก กลับออกมาสามารถคุยโม้ให้คนที่บ้านฟังแนวแพชรพระอุมาว่า “ถ้าไม่แน่จริง ไม่ผ่านห้วยแห้งออกมาได้หรอก”
ข้อดี ที่ผมได้ทุกปี จากการไปแจกของให้กับชาวบ้านในถิ่นทุรกันดารคือ ได้เห็นชีวิตแบบพอเพียง แบบ”ตัวจริง เสียงจริง” ชีวิตที่เรียบง่าย แต่น่ารักอยู่ในตัวเอง
ถึงแม้ว่าชีวิตจะลำบาก ขนาดไหน คุณๆก็ยังเห็นรอยยิ้ม จากชาวบ้านได้เสมอ เห็นเด็กตัวเล็กๆ ใส่เสื้อบางๆประจำเผ่า เพียงตัวเดียว ในขณะที่ผมใส่เสื้อ 2 ชั้น แถมเสื้อหนาวอย่างหนา อีกหนึ่งตัว ยังแอบ”สั่น”ให้เห็นเป็นระยะๆ เปรียบเทียบเมื่อไหร่ “อายเด็ก”ทุกที
มีคนเคยบอกว่า ถ้าใครอยากลด”อีโก้”ของตัวเองให้ลดลง ให้คนๆนั้นไปยืนมองทะเล แล้วจะเข้าใจว่าตัวเองนั้นความจริงตัวเล็ก กระจ้อยร่อย ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนกับที่คิด
ไปอมก๋อยงวดนี้ ถ้าใครที่มักจะบ่น ฟูมฟายว่าชีวิตตัวเอง ใชคร้าย ไม่ได้อย่างโน้น ไม่ได้อย่างนี้
ขอแนะนำว่า ไป”ห้วยแห้ง” ซักครั้ง รับรองชีวิตจะดีขึ้น.....
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น