เย็นวันที่ 30 ตุลาคม 2550 ผมได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวเศร้า ข่าวการเสียชีวิตของเพื่อนสมัยเรียน ตั้งแต่ยังเด็กที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัย” หมอตอไม้” ฐปณัฐ สมศักดิ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝาง “ หมอตอไม้”เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ที่รุมเร้ามานาน
นานพอที่เพื่อนผมคนนี้ ทำใจและวางแผนอนาคตให้กับครอบครัว เมื่อไม่มีเขาอยู่
ผมกับเพื่อนๆเช่ารถตู้ บึ่งไปอำเภอฝางตอนเย็นของวันถัดมา เพื่อเข้าร่วมพิธีเคารพศพ นึกถึงภาพของเพื่อนสมัยตอนเป็นเด็กวิ่งเล่นกันในสนามฟุตบอลของโรงเรียน
บางคนเกิดมา ก็หัวดีมาตั้งแรกเริ่ม หมอตอไม้ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลจำนวนนั้น จำได้ว่าสมัยเป็นเด็กเพื่อนผมคนนี้ ดูๆแล้วเหมือนไม่ค่อยตั้งใจเรียนมากมายนัก เหมือนเด็กๆทั่วไปสนุกสนานกับการเล่นกับเพื่อน ไม่มีวี่แวว”เด็กเรียน”ส่อมาให้เห็น แต่เวลาประกาศผลสอบออกมาเมื่อไหร่ “หมอตอไม้”ไม่เคยหลุดจากอันดับต้นๆของห้อง
ตั้งแต่เรียนจบ ไม่ได้เจอกันหลายสิบปี มารู้ว่าอีกทีก็ตอนเพื่อนๆบอกเล่าว่า เขาเป็นมะเร็ง และกำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้อยู่ เพื่อนฝูงบางคนที่ไปเจอะเจอกับ”ตอไม้”บอกว่า ถึงรู้ว่าจะเป็นมะเร็งแต่เพื่อนกำลังใจยังดีเยี่ยม
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ กำลังใจของคนครอบครัวทั้งเมียและลูก ที่ช่วยให้ชีวิตเขาผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ได้
นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของคำว่า”ความรัก”
ผมเห็นแววตาเศร้าหมอง กระจายอยู่บนดวงตาทั้งสองข้าง ไม่ว่าจะเป็นภรรยา หรือลูกๆของ”หมอตอไม้” แต่เบื้องหลังที่ดวงตาที่เศร้าสร้อยนั้น แฝงไว้ด้วยแววตาที่เข้มแข็ง ที่ต้องสู้ต่อไปบนโลกใบนี้ อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้ในความรู้สึกของผู้สูญเสีย คือถึงแม้ว่าเพื่อนผมจะจากโลกใบนี้ไปแล้ว แต่ความจริงที่ปรากฏตามมาคือ
“หมอตอไม้”ยังเป็น”ฮีไร่”สำหรับภรรยา และลูกๆ ตลอดเวลาไม่ว่าตอนนี้ หรือว่าตอนไหน
ในบรรดาเพื่อนที่เรียนกันมาตั้งแต่เด็กทั้งหมด เพื่อนที่โดนโรคร้ายมะเร็ง เล่นงานทั้งหมดมีอยู่ 3 คน
“แจ๊ค”เป็นหนึ่งในสาม ที่เป็นมะเร็ง อาการมะเร็งของ”แจ๊ค”อยู่ในขั้นที่คุรหมอบอกว่า”อยู่ในขั้นรักษาไม่ได้แล้ว” ใครฟังประโยคนี้เสร็จ ถ้าไม่เป็นลม อย่างน้อยก็ต้อง”เข่าทรุด”
แต่”แจ๊ค” ยืนรับคำวินิจฉัยของหมอ แล้วเดินหน้าสู้ชีวิตต่อ งานศพ”หมอตอไม้” แจ๊ค ก็เดินทางร่วมไปกับผม ใบหน้ายังมีรอยยิ้มให้เพื่อนเห็นเป็นประจำ ไม่เคยบ่นท้อกับโชคชะตาชีวิต ที่ลิขิตให้เป็นแบบนี้
หลายคนเดาว่า ในใจแจ๊ค ต้องคิดบางอย่างอยู่ เพราะเพื่อนที่จากไป นั้นมี”มะเร็ง”เป็นตัวพราก
เป็นความเหมือน ที่บางคนอาจจะเปรียบเทียบได้
แต่ตั้งแต่เดินทางจากอ.เมือง ไปถึง ฝาง และเดินทางกลับในค่ำคืนเดียวกัน ใช้เวลาหลายชั่วโมง แจ๊คยังไม่มีอาการ”วิตกจริต”ให้เพื่อนๆ เห็น
แจ๊ค เลยเล่าให้ฟังว่า ที่เขาเก็บอาการได้ เพราะ”ปลง” หลังจากรักษามะเร็งอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งคุณหมอที่รักษาบอกผลการรักษา กลับบ้านมานอนคิดมาจนระดับหนึ่ง ก็ได้บทสรุปว่า”อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด” เพราะฉะนั้นทำวันนี้ให้มีความสุข โดยไม่ต้องมองอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
เปลี่ยนโลกทั้งใบ ให้สดใสอยู่ตลอดเวลา
วิธีคิด แบบนี้ได้ ต้องอาศัย”กำลังใจ”ที่เข้มแข็ง มากกว่าคนปรกติ
ถ้าจิตไม่แข็ง รับรองว่า”คิดไม่ออก”แน่นอน
ถ้า”หมอตอไม้”มีความรักของครอบครัวเป็นตัวช่วยให้ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายในช่วงที่ผ่านมา นาทีนี้”กำลังใจ”ของเพื่อนทุกคน ก็หลั่งไหลเทเข้ามา วางลงตรงหน้าให้แจ๊ค หยิบใช้ได้เต็มที่ แบบไม่มีหมด
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น