ว่ากันว่าทำงานนานๆเข้า ยิ่งเป็นงานจำเจ ไฟในการทำงานมักจะมอดเร็วผิดปรกติ บางครั้งคนที่เริ่มรู้ตัวเองว่า เข้าข่ายทำงานแบบ”ซังกะตาย” ก็ต้องเริ่มหันซ้าย มองขวาหา”ไฟ”เข้ามาเติม
ผมเองใช้วิธีเติม”ไฟ”ด้วยการคุยกับคนหนุ่มๆ ที่กำลังอยู่ในช่วง”ไฟแรง” คนหนุ่มๆเหล่านี้ คิดเร็ว ทำเร็ว กระฉับกระเฉง ไม่มียืดยาดอืดอาด
ดังนั้นต้องหาทางแบ่งปันออกมาบ้าง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างคนหนุ่มกับวัยรุ่นตอนปลายแบบผม
นั่งคุยกับ ”โจ๊ก”วิทวัส แผ่นทอง รุ่นน้องที่กินเที่ยวกันมาหลายปี มองเห็นความแตกต่างระหว่างวัยอย่างหนึ่ง หนุ่มโจ๊ก จะพยายามมองหาโอกาสทำธุรกิจอยู่เสมอ เพราะสายตามองโลกใบนี้ มีโอกาสล่องลอยอยู่เต็มไปหมด
ถ้าไม่หยิบฉวย โอกาสเหล่านี้อาจจะหลุดลอยหายลับไปในอนาคต
“โจ๊ก”กลัวที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง ในขณะที่ผมมีความสุขกับการเป็น”มนุษย์เงินเดือน” มีน้อยใช้มาก มีมากใช้มาก ตอนนี้เลยกลายเป็นคนมีเครดิตสูงพอสมควร เพราะธนาคารให้เครดิตกู้ยืมมากมากไปหน่อย จนหนี้สินเริ่มบานไม่หุบไปเรื่อยๆ
วิธีการลงทุนก็น่าสนใจ เพราะการลงทุนแต่ละครั้งย่อมมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังถดถอย พอหยิบเงินมาลงทุนเมื่อใด ตัว”ขาดทุน”เหมือนจะวิ่งมายืนรออยู่ที่หน้าประตู
ดังนั้นการลงทุนจะต้องรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง โจ๊ก เลือกใช้วิธีลงทุนโดยหลักเกณฑ์เขียนเอาไว้ว่า จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4
เศรษฐกิจจะเดี้ยงหรือไม่เดี้ยง ผู้คนก็ต้องหยิบเงินใช้บริโภคปัจจัย 4 ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงน้อยที่สุด และสามารถพลิกแพลงได้อีกในอนาคต
หลังจากทำธุรกิจมาหลายอย่าง ล่าสุด”โจ๊ก”หันมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว โดยสูตรเด็ด”เนื้อตุ๋น”เป็นตัวชูโรง เลือกทำเลที่เป็นย่านที่อยู่ของนักศึกษา น้ำมันจะแพงหรือไม่แพงยังขาย 20 บาท พร้อมเสริฟน้ำชาอย่างดี...ฟรี
ถือคติขายมากๆกำไรจะตามมาเอง แต่ถ้าขายแพง ถ้าขายไม่ได้ ทั้งต้นทุนกับกำไรอาจจับมือบ๊ายบาย หายไปพร้อมกัน
เห็นแนวคิด เห็นความมุ่งมั่นแล้ว ไม่รู้เป็นอย่างไร ตาร้อนผ่าวตลอดเวลา
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น