เมื่อก่อนถามนักท่องเที่ยวว่าขึ้นเหนืออยากไปเที่ยวที่ไหน ส่วนใหญ่ตอบเป็นภาษาเดียวกันว่า”แอ่วเชียงใหม่ ขึ้นเชียงราย ซื้อของแม่สาย นอนหนาวให้สบาย แล้วค่อยโก โฮม”เป็นอันจบทริปทัวร์ไทยเที่ยวเหนือ
แต่ตอนนี้คำตอบเริ่มเบี่ยงเบน อำเภอเล็กๆอย่าง”ปาย”กลายเป็นลมกรดน้อย วิ่งแซงเชียงรายจนไม่เห็นฝุ่น ไทย-เทศ พร้อมหน้านัดกันขึ้นเหนืออย่าลืมไป”ปาย”
แรงไม่แรง ล่าสุดสายการบินSGA มองเห็นลู่ทางข้างหน้า สั่งเปิดไฟล์ตบินตรงเชียงใหม่-ปาย เอาใจขาเที่ยวทั้งหลาย ดีเดย์คาดว่าน่าจะเป็นกลางเดือนมกราคม ปีหน้า สนนราคาค่านั่งเก้าอี้กลางอากาศประมาณ 25 นาที คนละ 1,450 บาท
หลายคนตั้งคำถามว่าเสน่ห์ของ”ปาย”อยู่ตรงไหน คำตอบเทไปที่ความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย น่าสนใจ และสุดท้ายที่สำคัญ”เงินบาท”ที่นี่ใหญ่กว่า”เงินบาท”ในเมืองกรุงค่อนข้างจะอักโข
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ยกพลรุ่นพี่ รุ่นน้องตะลุยเมืองปาย บรรยากาศยังคงขลัง จนเกิดอาการ”หนูไม่กลับ”หลายครั้ง ถ้าเป็นสมัยก่อนไม่มีภาระหน้าที่ผูกผัน สงสัยต้องฝากฝังตัวเป็นประชากรเมืองปายเพิ่มอีก 1 คน
ผมพักที่”หลับ ฝัน ดี “เกสต์เฮ้าส์ของ”ปาน” ที่บรรยากาศสวยแบบสุดๆ แถมราคาถูกแบบสุดๆ เดินขึ้นที่พักโดน 2 เด้งแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะสภาพเหมือนบ้านไทย ไม่มีกลิ่นอายของเกสต์เฮ้าต์
ห้องพักกระจายอยู่รอบ โดยมีชานบ้านทรงไทยอยู่ตรงกลาง เป็นลานกว้าง ตรงนี้เองเป็นพิกัดเด็ดที่ทำเอาพวกผม แทบไม่ได้ออกไปเที่ยวรอบอำเภอ
ก่อนไปมีเสียงแว่วบอกว่า”ไปเมืองปาย ต้องไป Be Bob” เพราะถือเป็นร้านเหล้าชื่อดังของที่นี่ ตกดึกร้านนี้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของนักเที่ยวเมืองปาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งมังค่า มา”แจมกัน แจมกัน” เดินเข้าไปจะพาลนึกว่าอยู่เมืองนอกเมืองนา
แผนแรกถูกลิขิค นั่งกินชานบ้านนำร่อง ก่อนขยับขยายไป สัมผัสBe Bob เข้าข่ายเริ่มจากธรรมชาติก่อนจบลงที่เทคโน แด๊นซ์ อะไรทำนองนั้น
ตะวันตกดิน บรรยากาศ”ชานบ้าน”เริ่มเปลี่ยนจากภาพแม่น้ำปาย ขวางหน้ามีภูเขาทำตัวเป็นฉากหลัง ภาพเริ่มเลือนหาย เหมือนแม่น้ำกับภูเขาจะหมดภาระกิจ กลายเป็นดวงดาวผุดขึ้นเต็มผืนฟ้า แถมมีพระจันทร์ส่องแสงนวลตา
ช๊อตนี้บอกจริงๆครับว่า”สวย”จนเขียนอธิบายเป็นตัวหนังสือไม่ออก
สโลแกนที่ตั้งไว้ว่า”ไปเมืองไทย ต้องไปBe Bob” เริ่มสั่นคลอน รุ่นน้องคนหนึ่งเริ่มสะกิดเอวส่งเสียงออกมาว่า ขอเปลี่ยนสโลแกนนิดหน่อยจาก Be Bob เป็น Be Here ได้มั้ย
เหมือนนักตระกร้อไทยที่โดนชงลูกมา”หวาน”อยู่หน้าเน็ต อย่างนี้ต้อง”ฟาด”ให้ประจักษ์
โครงการนี้ถูกเปลี่ยนแผน จาก”เทคโน แอนด์ ฮิบฮอบ เด๊นซ์ “เป็น”ร่ำสุรา ตาดูดาว” แบบทันที ทันควัน
คืนนั้นได้”ความรู้”จาก”ปาน”เจ้าของเกสต์เฮ้าส์หลายอย่าง “ปาน”ย้ายสำมะโนครัว ชีวิตมาอยู่เมืองปายประมาณสิบกว่าปี เห็นวิถีชีวิตคนเมืองปาย ตั้งแต่ก่อนดัง จนเปลี่ยนเป็น”พลุแตก”
เกล็ดหนึ่งที่น่าสนใจถึงแม้ว่าเมืองปายชั่วโมงนี้ดันมีเซเว่น-อีเลฟเว่น ตั้งอยู่ในเมือง ทำให้หลายคนเริ่มมองแบบหงุดหงิดประเภทตั้งอยู่”ผิดที่ ผิดทาง”แต่”ปาน”เล่าว่าคนที่นี้ ยังคงอนุรักษ์ของดีๆเอาไว้ ส่วนใหญ่จะไม่ใช้บริการจากมินิมาร์ค ชื่อดัง แต่จะถือตระกร้าไปจ่ายตลาดเหมือนเดิม ไม่ยอมให้”ศิวิไลซ์”เข้ามาครอบงำ
ครั้งหนึ่ง”ปาน”เคยเดินเข้าเซเว่นฯซื้อบะหมี่ คัพ ก่อนกดน้ำร้อน ยืนโซ๊ยอยู่ร้าน ฝรั่งคนหนึ่งที่เป็นลูกค้า เห้นปุ๊ป ตะโกนด่า”ปาน”ว่าทำไมยูทำอย่างนี้ ยูใช้บริการร้านนี้ได้อย่างไร เพราะเป็นการยอมรับให้ความเจริญเข้ามาครอบงำวิถีชีวิตดั้งเดิมของปาย
ฝรั่งยังเดือดร้อนขนาดนี้ นับว่าเป็นฝรั่งที่”เข้าถึง”ชีวิตแบบไทยๆอย่างแท้จริง
“ปาน”จ้องหน้าลูกค้าฝรั่งแบบเข้าใจในความรู้สึก ก่อนตอบกลับไปสั้นๆว่า
“ธรรมดาตูก็ไม่เคยใช้บริการหรอก แต่เผอิญตอนนี้มันตีสาม แล้วตูหิวข้าวมากกกกกกก โว๊ยยยยยยยย”
เรื่องนี้ให้ข้อคิดว่าอย่าดูถูกนิทานเรื่อง”กล่องข้าวน้อย ฆ่าแม่”เป็นอันขาด
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น