เหลียวซ้ายมองขวา ตอนนี้ก็มีคนพูดถึงหนังไทยเรื่อง”ต้มยำกุ้ง” เพราะหนังไทยเรื่องนี้โด่งดังตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย เกจิหลายคนฟันธงว่าอาจจะเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุหลัก 1,000 ล้าน
จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่นักแสดงนำ จา พนม หรือโทนี่ จา
ความเก่งกาจของ จา พนม โด่งดังกันชนิดที่ว่า หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ต้องเอามาเป็นหน้าปก พร้อมบรรยายสรรพคุณว่า บรู๊ซลีชิดซ้าย เฉินหลงชิดขวา
โทนี่ จา มาแว้วววววววว!!!!!
เบื้องหลังความสำเร็จก็ต้องยกเครดิตให้กับ”เสี่ยเจียง”เจ้าพ่อวงการหนังของเมืองไทย ที่กล้าลงทุน เดินทางโปรโมทหนังเรื่องนี้จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว
ความมั่นใจของ”เสี่ยเจียง”เริ่มมั่นใจเมื่อสายหนังจากทั่วโลก บอกว่าซื้อหนังทันที ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ขอเพียง”จา พนม”เล่นก็เพียงพอ
มองเห็นอนาคตอย่างนี้เสี่ยเจียงเลยตัดสินใจควักเงิน 300 ล้านลงทุนสร้างหนังเรื่องนี้ แยกเป็นต้นทุนสร้าง 200 ล้าน ส่วนอีก 100 ล้านเป็นค่าโปรโมทหนัง
ก็ต้องรอดูความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ว่าจะสมกับราคาที่คุยเอาไว้หรือไม่
แต่ต้องยอมรับว่า พ.ศ นี้ คนไทยเรามีฝีมือเทียบชั้นอินเตอร์ หนังไทยช่วงหลังๆสร้างได้ดีจนหลายคนทึ่งไปตามๆกัน
เด็กไทยหลายคนที่เมื่อก่อนมองหาแต่โปรแกรมหนังของฮอลลีวู๊ด ตอนนี้เริ่มชายตามองโปรแกรมหนังไทยกันบ้าง จากเมื่อก่อนที่หนังไทยที่คนไทยชอบดู ส่วนใหญ่จะเป็นหนังไทยในแนวตลก ประเภทบ้านผีปอบ ถ้าตอนนี้ยังสร้างอยู่ ก็คงจะปาเข้าไปถึงภาคที่ 72
เพราะทั้งเรื่องสร้างกันไม่ถึงเดือน ก็ตัดต่อออกฉายตามโรงได้แล้ว เนื่องจากไม่ต้องใช้บทอะไรมากนัก นักแสดงส่วนใหญ่เปิดฉากก็วิ่งๆๆๆๆๆๆ หนีผี สักพักทั้งคนทั้งผีก็จะเดินถอยหลังมาชนกันร้อง”เฮ้ยยย” ก็ตกใจวิ่งหนีไปคนละทิศละทางทั้งคนทั้งผี หรือไม่ก็คนวิ่งหนีลงไปซ่อนในตุ่ม สักพักผีก็วิ่งๆๆมาเข้ามาหลบในตุ่มเดียวกัน เสร็จสรรพก็ตกใจร้อง”เฮ้ยยยย”วิ่งหนีกันป่าราบเหมือนเดิมฯลฯ
คุณภาพหนังไทยสมัยก่อนเลยดูเหมือนทำกันลวกๆไม่เหมือนสมัยนี้ที่ใช้เทคโนโลยี เทคนิคการถ่ายภาพมาช่วย ให้หนังดูสวยขึ้น
เช่นเดียวกับโรงหนังสมัยนี้ที่พัฒนาไปอีกขั้น สะอาดสะอ้าน เบาะนั่งปรับเอนสะดวกสบาย แอร์เย็นฉ่ำ
มีแต่เพียงนักดูหนังบางคนที่โลกเขาไปถึงไหนแล้วยังไม่พัฒนา
ผมเองเป็น”คนอาภัพ” ชอบดูหนังคนเดียว เลยมักจะเจอบรรรดาคนหลังเขาอยู่บ่อยๆ กำลังดูหนังได้อรรถรส ....เสียงโทรศัพท์จากคนข้างๆดัง กริ๊งงงงงงงงงงง กร๊งงงงงงง
กัดฟันกรอกๆ คิดในใจคุณพี่”ตาบอด”มองไม่เห็นคำเตือนที่ให้ปิดเครื่องมือสื่อสารหรือครับ แถมยังเปิดระบบเสียงแทนที่จะเป็นระบบสั่น
มองโลกในแง่ดี คนเรามันก็”ขี้ลืม”ได้นี่นา อาจจะลืมก็ได้ แต่ วินาทีต่อมาหลังเสียงโทรศัพท์ดังเป็นสง่า คุณพี่ดันรับ พร้อมคุยอีกต่างหาก
หันไปมองหน้า ดันไม่สนใจคุยกันต่อ เพราะตูเสียเงินซื้อตั๋วเข้ามาแล้ว นาทีนั้นไม่รู้ว่ามดเดินมากัดหรือเปล่า เกิดอาการ”คันไม้ คันมือ”เป็นพิเศษ ก่อนเอาทางพระเข้าข่มที่ว่า
“ถ้าเอ็งตัวเล็กกว่านี้อีกหน่อยละก้อ........น่าดู”
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น