วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โลกออนไลน์..ฉบับครบรอบเชียงใหม่นิวส์ 20ปี



ครบรอบ
โลกออนไลน์
                หลายปีก่อนเคยเขียนเอาไว้ว่าอาชีพนักข่าวเป็นอาชีพที่เข้าง่าย แต่ออกยากเพราะใครหลงเข้ามาทำอาชีพนี้แล้ว ส่วนใหญ่หลงเสน่ห์ ต้องมนตร์ ไม่คิดจะเปลี่ยนอาชีพไปไหน
                20 ปีทีผ่านมา ของเชียงใหม่นิวส์ จึงมาเร็วผิดปรกติ นักข่าวรุ่นเดอะ ทั้งหลายอาจจะอุทานขึ้นมาว่าเฮ้ย...20 ปีแล้วเหรอเพราะตอนช่วงตั้งไข่ กองบรรณาธิการของเชียงใหม่นิวส์ มีอยู่ไม่กี่ชีวิต บางคนต้องทำทั้งข่าวสังคม ข่าวบันเทิง เพราะคนมีน้อย บ่าของนักข่าวสมัยนั้นเลยต้องหนักผิดปรกติ
                เทียบกับตอนนี้ ที่มีน้องๆนักข่าว ไฟแรงทั้งหลายมาช่วยผ่อนแรง อยู่เต็มกอง บ.ก ก็ทำให้งานข่าวเดินไหลลื่นมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ตามกาลเวลา
แต่ที่เหมือนเดิมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือ บรรยากาศ ครับ
                บรรยากาศ ของกอง บ.ก เชียงใหม่นิวส์มีอยู่บรรยากาศเดียวครับคือบรรยากาศแบบครอบครัวแต่ละวันจะเห็นภาพนักข่าวทั้งหลายทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก พูดหยอกล้อ แซวกัน โดยมีน้องนักข่าวผู้หญิงทั้งหลายเป็นฝ่ายเสบียง  ซื้อขนมขบเคี้ยว มาเป็นกองกลางเพื่อภารกิจพิมพ์ไป กินไปของเหยี่ยวข่าวทั้งหลาย
                ทำงานข่าวชั่วโมงนี้ค่อนข้างง่ายกว่าในอดีตมาก เพราะมีแหล่งข้อมูลระดับมหึมาที่ชื่ออินเตอร์เน็ต เอาไว้เสาะหาข้อมูล เทียบกับในอดีตกว่าจะได้ข้อมูลแต่ละอย่าง ต้องขับรถตระลอนๆไปที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง กว่าจะได้ข้อมูลมาเขียน
                ผมว่าโลกของเราเปลี่ยนไปและไม่มีทางเหมือนเดิม ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต เริ่มอุแว้ ออกมาดูโลกนี่แหละครับ
 กระทรวงกลาโหม ของพี่เบิ้มสหรัฐอเมริกา ก็คงไม่คิดเหมือนกันว่า คอมพิวเตอร์ ที่หน่วยงานวิจัยการทหารของตนที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2512 นั้นจะเปลี่ยนชีวิตผู้คนบนโลกได้ถึงเพียงนี้
                ผมเองรู้จักอินเตอร์เน็ต ครั้งแรกก็ตอนกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ปีพ.ศ  2538 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ ก่อนซีเกมส์จะเริ่มแข่งขัน คณะกรรมการจัดการแข่งขันก็เชิญผู้สื่อข่าวทั้งไทย-เทศ ไปสัมผัสกับ เพรส เซนเตอร์ โดยแยกเป็นเพรส เซนเตอร์ ของไทยกับของนักข่าวต่างชาติ ไม่ปะปนกัน
                เดินเข้าไปในศูนย์ข่าว ก็ต้องตะลึง เพราะมีคอมพิวเตอร์วางเรียงราย แถมต่อระบบอินเตอร์เน็ต ให้เสร็จสรรพ ใครอยากดูข้อมูล  เช็คสถิติ ก็คลิกเข้าไปดูได้ทันที
                ปัญหาที่มีอย่างเดียวคือ นักข่าวส่วนใหญ่ ยังใช้ไม่เป็น ส่วนใหญ่เลยต้องเบือนหน้า เบนเข็ม มาหาของตายคือ พิมพ์ดีด เจ้าเก่า
                คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมอินเตอร์เน็ต ออนไลน์ไว้ให้ผู้สื่อข่าวทั้งหลายได้ใช้ จึงวางเรียงรายอย่างสงบ ผสมผสานด้วยเสียงข้าวตอก จากเครื่องพิมพ์ดีดของเหยี่ยวข่าวทั้งหลาย
                หลังจากนั้นมา ผมบอกกับตัวเองว่า ต้องสลัดคราบนักข่าวโบราณออกให้ได้ แล้วเริ่มปรับบทบาทใหม่ให้เข้ายุค เข้าสมัยกับโลกยุคใหม่ใบนี้
                ลองถูก ลองผิด มาเรื่อยๆสไตล์ งูๆ ปลาๆ จนวันนี้อินเตอร์เน็ต เข้ามาซึมในร่างกายแบบไม่รู้เนื้อ รู้ตัว วันไหนไม่ได้เข้าเน็ต เหมือนชีวิตขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง
                ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า ณ.นาทีนี้ ข่าวที่เร็วที่สุด ไม่ใช่ทีวี ไม่ใช่วิทยุ หรือสำนักข่าวใดแต่เป็น ทวิตเตอร์
                ไม่ต้องยกตัวอย่างมาก แค่แผ่นดินไหวที่พม่าที่ผ่านมา  พอแผ่นดินโยกปุ๊บ คนแถวแม่สายทวิต ปั๊บ คนที่ใช้ทวิตเตอร์บนโลก รับรู้กันหมด ภายในระยะเวลาไม่ถึงนาทีจะมีข่าวไหนที่เร็วกว่านี่อีกมั้ย...สำหรับ ณ.บัดนาว ต้องบอกว่ายัง..ไม่มี
                ยิ่งอีตา มาร์ค ซักเคอเบิร์ก ดันมาสร้างเฟซบุ๊ค ขึ้นมาอีก คราวนี้เลย “go so big “ไปกันใหญ่(สำนวนพี่เบิร์ด ธงไชย) สำหรับผู้คนที่ขลุกอยู่กับโลกอินเตอร์เน็ต
                ถึงแม้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีผู้ใช้เฟซบุ๊ค มากที่สุดโลก
                แต่เชื่อมั้ยครับว่า ประเทศไทยนั้นมีอัตราคนใช้เฟซบุ๊ค เติบโตขึ้นเป็นอันดับที่สองของโลก ส่วนแชมป์ที่แต่ละปีมีประชากรในประเทศใช้เฟซบุ๊คมากที่สุดคือ เมืองกาแฟ ประเทศบราซิล ส่วนอันดับสามที่ตามมาอย่างห่างๆคือประเทศอินเดีย ที่มีประชากรพันกว่าล้านคน ยังต้องยอมซูฮกให้คนไทย
                เห็นมั้ย..เรื่องทันสมัยเนี่ย  พี่ไทยไม่เคยเป็นรองใคร
                ในเมืองไทยนั้นคนเล่นเฟซบุ๊คนั้นพบว่า ผู้หญิงเล่นเฟซ บุ๊ค มากกว่าเพศชาย  นักวิเคราะห์เขาบอกว่าอาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิง ชอบการเข้าสังคม อยู่เป็นกลุ่มมากกว่าผู้ชาย ทั้งโลกจริงและโลกเสมือนมีข้อสังเกตอีกนิดคือ ผู้ชายจะมีสัดส่วนผู้ใช้มากกว่าผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น เริ่มตั้งแต่อายุ 38 ปี ขึ้นไป -
                ส่วนอายุเฉลี่ยของคนไทยที่เล่นเฟซ บุ๊คมากที่สุดคืออายุ 20 ปี
                มีสถิติเกียวกับเฟซบุ๊ค ที่เขาประมวลเอามาให้ดูคร่าวว่า
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะมีเพื่อนประมาณ 130 คน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะมีเพื่อนมาขอเป็นเพื่อนด้วยราว 8 คนต่อเดือน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะใช้เวลาอยู่ในเว็บราว 55 นาทีต่อวัน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะกด link เนื้อหาที่ข้อมูลต่างๆ 9 ครั้งต่อเดือน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะเขียนแสดงความคิดเห็นในเนื้อหาของ content ที่พบเห็นประมาณ 25 ครั้งต่อเดือน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะเป็นแฟน (becomes a fan) ประมาณ 2 Pages ต่อเดือน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะถูกเชิญเข้าร่วม 3 events ต่อเดือน
                โดยเฉลี่ยผู้ใช้ facebook จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มอยู่ 12 กลุ่ม
                เมื่อโลกถูกย่อให้เล็กลงด้วย อินเตอร์เน็ต โลกออนไลน์ เลยเข้ามาอยู่ในลมหายใจของคนรุ่นใหม่ กันแบบไม่รู้ตัว ผมเองเวลาทำงานเริ่มสังเกตพฤติกรรมของน้องๆนักข่าว  ส่วนใหญ่ร้อยทั้งโลก ต้องเปิดเฟซ บุ๊ค ไว้ที่หน้าจอ บางคนตื่นเช้ามาเปิดคอมพ์ ก่อนทำงานก็ต้องไปเก็บผักมั้ง ทำกับข้าว   ตามประสาเฟซบุ๊ค สายๆหน่อยก็เริ่มโพสขึ้นหน้ากระดาน พอตกสาย ก็เริ่มแชดกันให้จุใจ คืนนี้เธอจะไปไหน ดูหนังกันมั้ย...บรา บรา บรา ฯลฯ
                บางคนจะเที่ยวที่ไหน  กินข้าวกลางวันกับอะไร เมื่อก่อนไม่ต้องสนใจ แต่เดี๋ยวนี้..ไม่ได้ครับ
                ต้องถ่ายทุกช๊อต ทุกซีน แล้วรีบส่งขึ้นเฟซ บุ๊คให้ผู้คนบนโลกได้ดู
                ผมเอง เกิดอาการหิวข้าว โดยไม่มีเหตุผล มาหลายครั้งแล้ว เวลาเปิดเฟซ บุ๊ค
                หรือถ้าหากว่า ใครเกลียดใคร อยากประณามใคร ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่ตั้งหัวข้อขึ้นมาเชื่อว่าคนไทยเกินล้านคน เกลียด.....แค่นี้วัตถุประสงค์ก็บรรลุเป้าหมาย
                โลกบนเฟซ บุ๊ค เลยปะปนกันไปด้วยสิ่งดีและสิ่งที่อันตราย สำหรับผู้ที่ใช้ ดังนั้นควรต้องใช้สติ ใช้เหตุผล เพื่อประกอบการตัดสินใจ อย่าให้โลกของเฟซ บุ๊ค เข้ามาทดแทนที่โลกในความเป็นจริงของตัวเอง
                สำหรับผม คงต้องขออนุญาต กราบลาเพื่อคลิกเข้าไปเลี้ยงหมูก่อนนะครับ..ไม่ได้เข้ามาหลายวัน หมูฉันจะตายไปกี่ตัว  ฮือ...ฮือ

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                 กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น