วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

หวัดดีปีใหม่ 2-1-55

  

         ก่อนอื่นขอสวัสดีปีใหม่กับคุณๆทุกท่าน ถึงแม้ว่าจะช้าไปหน่อย เนื่องจากผมเข้าเวรเขียนคอลัมน์ในวันนี้ แต่ก็ขอให้ทุกท่านประสพกับความสุข ความสำเร็จตั้งแต่ต้นปีมะโรง หรือบางคนบอกว่า
เป็นปี"มังกรทอง" จะเรียกอย่างไรก็แล้วแต่อัธยาศัย
         ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ปีนี้ เชียงใหม่กลายเป็นสถานที่ยอดฮิต เพราะอิทธิพลของลมหนาวและ"เหมยขาบ" ที่เผยแพร่ออกตามสื่อต่างๆ จนทำให้เชียงใหม่ได้นิยามเหมือนกับกรุงโรมใน

อดีตกาล คือ"ถนนทุกสายมุ่งสู่เจียงใหม่....เจ้า"
       ช่วงส่งท้ายปี ซึ่งบรรดากระจอกข่าวอย่างพวกผม ไม่มีวันหยุด เพราะหนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์ต้องวางแผงทุกวัน ดังนั้นรูปแบบการทำงาน การเดินทางต้องมีการปรับเปลี่ยนกันพอสมควร
      จากเดิมอยู่เชียงใหม่ ไม่ต้องวางแผนอะไรกันมากนัก อยากไปไหน ที่ใด ก็ตั้งเข็มทิศมุ่งหน้าตรงดิ่งไปทันที
         แต่ช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีต้อง...คิดใหม่ ทำใหม่
        ผมเริ่มวางแผนเส้นทางจากบ้าน มาออฟฟิต ขับอ้อมหน่อย แต่ไม่เจอกับปัญหารถติด เพราะโลกโชเชียล มีเดีย รายงานผ่านทั้งทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊คมาให้รับทราบตลอดว่า เชียงใหม่นาทีนั้น

        รถติดกันชนิดทุกหย่อมหญ้า!!
        เพื่อนผมหลายคนให้ความเห็นว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ของประเทศคงมาอยู่ที่เชียงใหม่ เพราะเหลียวซ้าย มองขวา เจอแต่หลังคารถเต็มพรืดไปหมด
          บางคนถึงกับประชด ประชันว่า"ระวังจะโดนตุ๋นว่าคุณอยู่ที่เชียงใหม่ เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ"
        อารมณ์ขันแบบไทยๆ ที่ใช้ได้ในสถานการณ์...หงุดหงิด
        วันส่งท้ายปี หลายปีที่ผ่านมา ผมใช้เวลานับถอยหลังขึ้นปีใหม่ ที่ร้านกู๊ดวิว ของ"เดอะ หมวด"ธนิต ชุมแสง  เพราะนอกจากบรรยากาศคึกคักทุกปีแล้ว ยังมีพลุในระดับ"อลังการ งานสร้าง"มาโชว์
ให้คนเชียงใหม่ได้ดูทุกปี มูลค่าในระดับ"ตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำ" จุดพลุสิบกว่านาที แต่ต้องควักเงินจ่ายไปหลายแสน
      ดังนั้นทุกปีผมจึง..พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
      แต่ปีนี้ข่าวคราวเรื่อง ผู้คนทั่วไทยต่างมุ่งตรงมาเชียงใหม่ ทำเอาผมเกิดอาการ"จิตวิตก" กับจำนวนประชากรในตัวเมืองเชียงใหม่
      เชื่อเถอะว่าหลายคนต้องคิดออกว่า ถ้าไปถึงร้านจะมีโต๊ะหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าหายากยิ่งกว่างมเข็ม ในมหาสมุทร เพราะเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่อย่างนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่จับจองโต๊ะเอา
ไว้แล้ว
     ทุกรายก็ใช้นโยบาย"นั่งแช่" มาตั้งแต่ตะวันเพิ่งลับขอบฟ้า แต่นั่งกันยาวๆไปจนทะลุเที่ยงคืน ดังนั้นการจะ"วอล์ค อิน" เดินลิ่วเข้าไปในร้าน แล้วภาวนาว่าจะมีแขกโต๊ะไหนเช็คบิล กลับบ้าน เป็นเรื่องที่ยากเกินแกง
       ถ้าจะออกแนว"ฝรั่งมังค่า" ยืนซื้อเบียร์จิบอยู่หน้าบาร์ ก็อาจจะไม่มีที่ยืนให้แทรกตัวเข้าไป เพราะใครๆก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
       ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือ ย่านสุดฮิตริมน้ำปิงแบบนี้ จะมีที่จอดรถเหลืออยู่หรือไม่ งานนี้หลับตาก็มองเห็นภาพบรรยากาศเหมือนลอยกระทง ผู้คนพลุกพล่าน รถติดในระดับ"มดเดิน" ขยับได้ทีละ
นิด ละหน่อย
      ผมเคยขับรถหลุดเข้าไปถนนเจริญราษฎร์ ช่วงลอยกระทง ติดแหง็กไม่ขยับเป็น ชั่วโมง ยังจำได้ทุกวันนี้ 
     ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น งานนี้คงไม่แตกต่างกัน
      ถ้าหลวมตัวเข้าไป ผมอาจจะต้องฉลองปีใหม่ในรถคนเดียวก็เป็นได้
     หลังจากบวก ลบ  คูณ หาร จนเสร็จสรรพ ก็ข้อสรุปว่า นอนดูทีวี ฉลองปีใหม่อยู่ที่บ้านเป็นดีที่สุด
     ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ที่ฉลองปีใหม่อยู่ที่บ้าน งานนี้ทำเอาบรรดาพี่น้องของผม ทำตาโตเท่าไข่ห่าน สะบัดหน้าไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง
     แต่อย่าลืมว่า ยุคนี้เริ่ม"เปลี๊ยนไป๊" ....ไม่เหมือนในอดีต
    สมัยก่อนกอดคอเพื่อน นับถอยหลัง 3..2..1 ชนแก้ว ร้องเพลงขึ้นปีใหม่  เฮฮาปาร์ตี้กันสุดชีวิต สุดฤทธิ์ สุดเดช
    แต่นาทีนี้ต้อง"อินเทรนด์" ถึงแม้ตัวไม่ได้ไป เจอยังงัยก็สวัสดีปีใหม่กันได้ผ่าน...ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ค
    โหลดภาพชนแก้วเบียร์ พร้อมโพสสวัสดีปีใหม่ให้เพื่อนๆ  เท่านี้ก็ได้ส่งความรู้สึก ไปให้กับทุกคนเหมือนกัน แตกต่างกันนิดเดียวตรงที่...

    ปีนี้ ผมไม่เมา เท่านั้นเอง 555
                                                                กุนซือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น