อาทิตย์ที่ผ่านมา ยอมยกธง ขับรถไปติดแก๊สครับ หลังจากเอาเครื่องคิดเลขออกม่าบวก ลบ คูณ หาร แล้วได้ผลลัพท์ออกมาว่า ถ้ายังขืนดื้ออยู่ เงินค่ากับข้าวทั้งหมด อาจจะระเหิด ระเหินเข้าไปอยู่ในถังน้ำมันจนหมดสิ้น
หลานเดือนก่อน มีเพื่อนฝูง มาสะกิดเอวบอกว่า เอารถไปติดแก๊ส เถิด รับรองว่า คุ้มเกินคุ้ม เพราะไปให้โหรเศรษฐกิจ จับฤกษ์ ดูยามแล้ว รับรองว่าราคาน้ำมันในตลาดโลก ไม่มีทางทรุด มีแต่สร้าง”นิว-ไฮ” เพียงอย่างเดียว
ตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอาการ”หูทวนลม” ขึ้นตอนไหน เข้าข้างซ้าย ก็ทะลุออกอีกข้างร่ำไป สาเหตุหนึ่งเพราะว่ายังจิตวิตกอยู่กับเหตุการณ์”รถแก๊สระเบิด”ที่กรุงเทพ ประกอบกับดูโครงสร้างแล้ว ถ้ารถติดแก๊สเมื่อไหร่ จะเกิดภาวะ”เกะกระ”ภายในรถขึ้นมาทันที เพราะถังแก๊สนั้นค่อนข้างใหญ่ กินพื้นที่ส่วนท้ายรถไปพอสมควร
เลยท่อง”อัตหิ อัตโน นาโถ” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนมาโดยตลอด
พอราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนขึ้นลิฟท์ สุดท้ายก็ต้องรีบกลับลำ มาสวด”อัตหิ อัตโน นาโถ แอลพีจี” ....จะให้ตนได้ดี ต้องหันมาใช้แอลพีจี
ตั้งเข็มทิศเสร็จ ขับรถมุ่งหน้าไปร้านรับติดแก๊สรถยนต์ เชื่อมั้ยครับ ชั่วโมงนี้มีคนท่อง “อัตหิ อัตโน นาโถ แอลพีจี” เหมือนผมกันทั่วเมือง ถังแก๊สขาดตลาด เด็กอู่นั่งตบยุงหาวหวอดๆๆ กันเป็นทิวแถว ทั้งร้านมีแต่สมุดคิวที่ลูกค้าเข้าชื่อจอง โดยมีข้อตกลงว่าถ้าถังแก๊สมาเมื่อไหร่ ให้กริ๊งกร๊างไปบอก
ทุกคนการันตีว่าจะขับรถร้องเพลงป๋าเบิร์ด “จะมาในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ” เข้าอู่ทันที
ภาษานักการตลาดก็ต้องบอกว่า เป็นอิทธิพลของ “ดีมานด์” ที่เหนือ” ซัพพลาย”แบบไม่เห็นฝุ่น
พอดีมานด์ เหนือซัพพลาย มากๆเมื่อไหร่ ก็ต้องเกิดปัญหาทันที เพราะความไม่สมดุลของทั้ง 2 ข้าง ราคาของการติดตั้งระบบแก๊สในรถยนต์ พุ่งเหมือนบ้องไฟ พญานาค พรวดๆๆๆๆๆๆ จนลูกค้าอ้าปากค้าง
ประมาณต้นเดือน ถามราคาค่าติดตั้งอยู่ที่ 30,900 บาท มาถึงวินาทีนี้ ราคาไปหยุดที 36,900 บาท แถมโนวโน้มราคานั้นอยู่ในเกณฑ์ “ไปต่อ” อีกเรื่อยๆ มิหยุดยั้ง
ไม่ถึงเดือน ยังพรวดไป 6 พันบาท หน้าตาเฉย ถามข่าววงใน บอกว่าของมี แต่โรงงานสต๊อคเอาไว้ เนื่องจาก “น้ำขึ้น ต้องรีบตัก” เพราะรู้ว่าคนไทยช๊อคกับราคาน้ำมันลิตรละ 40 กว่าบาท กันถ้วนหน้า แถมอนาคตข้างหน้า ลิตรละ 50 บาทนั้นจะกลายเป็น”ฝันที่เป็นจริง”ในไม่ช้า
ตอนที่เจ้าของร้านแจ้งราคาล่าสุดนั้น ผมยืน “อึ้ง ทึ่ง เสียว” อยู่นาน เจ็บลูกกระเดือกไปหมด เพราะโดน"บีบคอ” จากมือที่มองไม่เห็น แต่ เจ้าของกระซิบบอกว่ายังมีทางเลือกให้ 2 ทางคือ
เอา...หรือ...ไม่เอา
ผมต้องรีบท่องคติประจำตัวมาปลอบใจว่า “ง้างนกแล้วต้องยิง” เพราะถ้ายังไม่ยิงตอนนี้ งวดหน้าอาจจะได้ยิง”ปืนใหญ่”แทน...แน่นอน
ความจริงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจนเดือดร้อนไปทั้งโลกนั้น สาเหตุหนึ่งก็เพราะบรรดากองทุน เฮด ฟันด์ ทั้งหลาย ที่ไปหากินกับการเก็งกำไรล่วงหน้า ไม่สนใจว่าชาวโลกจะเดือดร้อนแค่ไหน ขอให้เงินอย่าไหลไป แต่จงไหลมาเข้ากระเป๋าข้า แต่เพียงอย่างเดียว หนึ่งในผู้บริหารกองทุน ที่ก่อวิกฤตินี้ก็คือ อีตาจอร์จ โซรอส ที่พวกเราๆท่านๆคุ้นหูกันอย่างดี
ทุกวันนี้กองทุน เฮด ฟันด์ เหล่านี้กำไรมหาศาลกับน้ำมัน แต่คนที่น้ำตาตกใน กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่บนโลก บรรดาผู้ที่อยู่ในวงการน้ำมันก็รู้ โอเปค ก็รู้ นักเศรษฐศาสตร์ก็รู้ ที่ไม่รู้อย่างเดียวคือ ทำอย่างไรถึงจะหยุดพฤติกรรมค้ากำไรจากการเก็งกำไรนี้ได้
เพราะเวลาพูดถึงเงิน ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในยุคนี้ อิทธิฤทธิ์แรงนัก แรงหนาจนมีคนเปรียบเปรยว่า เงินตกใส่หญ้า .... หญ้าตาย เงินตกใส่ควาย..ควายกลายเป็นลาบ
เราๆท่านๆทั้งหลาย ที่เป็นคนธรรมดา ก็ต้องก้มหน้ารับกรรมไป ตอนนี้ภาวนาเอาไว้ว่า วันไหนเจออีตา จอร์จ โซรอส ในซอยเปลี่ยวเมื่อไหร่หละก้อ.....น่าดู
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น