คลิกเข้าไปดูในเวบไซต์ของเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ เพื่อดูโปรแกรมของหนังฟฟอร์มยักษ์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 หรือภาคประกาศอิสระภาพ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 1 อาทิตย์ แต่กระแสยังแรงไม่หยุด
ชนิดที่ว่ารอบฉาย มีทุกชั่วโมง เพื่อรองรับ”คอหนัง”ทั้งหลายที่หลั่งไหลเข้ามาชมความอลังการของมหากาพย์ชุดนี้
ถ้าเหลียวมองไปข้างหลัง จับกระแสของบรรดา”คอหนัง”ดู หนังดังจากฮอลลีวูด ที่แน่ๆอย่าง”ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงค์” มาเจออิทธิฤทธิ์ ของ”สมเด็จพระนเรศวร” เซียนจอเงินทั้งหลายลองเอาประกอบเทียบกับ”ปอนด์”ต่อ”ปอนด์”แล้ว สรุปไปทิศทางเดียวกันว่า งานนี้”วงแหวนมรณะ”พ่ายแบบไม่เห็นฝุ่น
หลายคนตั้งปุจฉาว่าทำไม กระแสของหนัง”พระนเรศวร”ถึงแรงไม่มีหยุด วิ่งกันไม่มีเหนื่อย โกยรายได้ทะลุเป้าถล่มทลาย แบบไม่เคยมีมาก่อน อันดับแรกต้องบอกว่าคนดูหนังทั้งหลายเชื่อใจในฝีไม่ลายมือของยอดผู้กำกับอย่าง”ท่านมุ้ย”ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล เพราะหนังเรื่องไหนที่ท่านมุ้ยกำกับ รับรองไว้ใจได้อย่างน้อย 2 อย่าง “อลังการ”และ”ความเนียน”
เหมือนถูกหวย เมื่อโปรแกรมที่หนังพระนเรศวร ภาค 1 เข้าฉาย บอลไทยดันพ่ายสิงคโปร์โตก เพราะกรรมการไม่สบายเนื่องจาก”น้ำในหู ไม่เท่ากัน”เลยยืนเอียงข้าง ส่งผลให้กระแสรักชาติ สะพัดทั่วไทย พอหนังเข้าฉายเลือดรักชาติพลุ่งพล่าน คนแห่ต่อคิวซื้อตั๋วกันอย่างมโหฬารตามกระแส ยอดรายได้พรวดๆๆๆๆๆ ไปแตะหลายร้อยบาทเพียงไม่กี่วัน
ผมเดินออกจากโรงหนังด้วยความเสียดาย หลังจากชมภาคหนึ่งเสร็จ เพราะยังติดใจ ใจร่ำร้องอยากดูภาค 2 เร็วๆ เพราะก่อนหนังจบมีการฉายไตเติ้ลภาค 2 ให้ดูพอเป็นกระสัย เรียกน้ำย่อยได้น่าดูชม
พอหนังภาค 2 เข้าฉายเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็ต้องข่มใจ ข่มกาย ปลอบตัวเองว่ารออีกซักระยะ ค่อยเข้าไปดู เพราะเห็นแถวยาเหยียดที่ผู้คนรอซื้อตั๋วแล้ว บอกจริงๆว่าเหมือนคนรอซื้อตั๋วคอนเสริต์
แถวยาว ถึงยาวมาก บางคนประสพการณ์สูง ไม่ลืมซื้อขนม หรือเอาหนังสือไปอ่านฆ่าเวลาในระหว่างรอแถว ผมก้มหน้ามองอายุตัวเองแล้ว ได้แต่เหลือบมองไปที่ช่องขายตั๋วแล้วฮัมเพลงปลอบใจว่า”โอกาสหน้า พี่จะมาหาใหม่..........”
เพื่อนฝูงบางคน ที่มีความอดทน และบากบั่น สามารถพยุงร่างกายของตัวเองฝ่าฝูงชนเข้าไปดูได้ เดินกลับออกมาจากโรง หยิบมือถือกริ๊งกร๊างมาเล่าให้ฟัง เพื่อกระตุ้นต่อมอิจฉาของผมให้ทำงานว่า
“หนังสนุกมากกกกกกกก สนุกกว่าภาคแรกอีก”
ความสงสัย พร้อมกับความอิจฉาผสมปนเปเข้ามาในหัวผม เพราะเพื่อนคนนี้เคยตั้งจิตอธิฐานเอาไว้ว่า จะรอให้หนังเรื่องนี้เข้าฉายให้ครบทั้ง 3 ภาค แล้วจะซื้อ ดีวีดี มาดู ไม่อยากเบียดผู้คนไปดูทีละภาค ทีละภาค ขอจัดตัวเองอยู่ในประเภท”ม้วนเดียวจบ”เพราะ”ความจำสั้น”อาจจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ต่อเนื่อง
แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ตั้งพาตัวเองไปดูจนได้ แต่ที่น่าใจจนผมต้องเอ่ยปากถามว่า “ภาคแรกยังไม่ได้ดู แล้วรู้อย่างไรว่า ภาคสองสนุกกว่า”
คำตอบสั้นๆแต่ได้ใจความหลุดออกมาว่า”หลาน....บอก”
“หลาน” การันตีว่าภาคนี้ สนุกกว่าภาคแรก เพราะบทบู๊มากกว่าเดิม
งานนี้ต้องพยักหน้าเชื่อตาม”หลาน” เพราะในเมืองไทยยึดมั่นในสโลแกนที่ว่า “เด็กไทย ไม่พูดปด”
คำเตือนสำหรับมือใหม่ทั้งหลายที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ ควรเตรียมตัวให้พร้อม ควรใส่เสื้อผ้าสบายๆ และที่ขาดไม่ได้คือเสื้อหนาว เพราะเนื้อหาหนังยาวเกือบ 3 ชั่วโมง
ส่วนผมหลังจากผ่านประสพการณ์จากการดูภาคหนึ่งมาเรียบร้อยแล้ว งานนี้พกเสื้อหนาว งดกินข้าวโพคคั่ว กับเป๊ปซี่ เพราะครั้งที่ผ่านมา
ต้องวิ่งออกมาฉี่ 3 ที กว่าหนังจะจบ สรุปว่าอรรถรสเสียไปพอสังเขป
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น