วัยรุ่นทั้งหลายตอนนี้อาจจะนั่งนับถอยหลัง รอคอย 14 กุมภาฯวัน”วาเลนไทน์” แต่สำหรับผม”วาเลนไทน์”ตอนนี้ไม่ได้ต่างจากวัน”ไหว้พระจันทร์”ของคนจีนไปเท่าไหร่
เพราะเมื่อพลิกดูบัตรประชาชนของตัวเองแล้ว อ่านวันเดิอนปีเกิดเสร็จสรรพ วันสำคัญของปีเริ่มเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นวันวาเลนไทน์ วันคริสตมาส หรือว่าวันลอยกระทง
กลับกลายมาเป็นวันวิสาขบูชาและเข้าพรรษา หน้าตาเฉย ช่วงหลังเริ่มตั้งปุจฉาว่า เดี๋ยวนี้นอกจากจะเกิดปรากฏการณ์โลกร้อนแล้ว อาจจะมีปรากฏการณ์โลกหมุนเร็ว เป็นแคมเปญแถมมาด้วยหรือเปล่า ทำไมเวลาหมุนเร็วกว่าปรกติ มีผลทำให้อายุผมเคลื่อนไหวเหมือนนักวิ่งร้อยเมตร
ขาโจ๋อาจจะตื่นเต้นรอคอยยื่นดอกไม้ให้แก่กันในวันที่ 14 กุมภาฯ แต่อย่าลืมว่านาทีนี้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีความสำคัญสำหรับคนไทยไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลยครับ
เพราะเป็นวันเปิดตัวหนังฟอร์มยักษ์ฝีมือคนไทย “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 2”
ถอยหลังไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พอหนังสมเด็จพระนเรศวรภาค 1 ลงโรง เกิดคำถามสุดฮิต ระบาดไปยังคนไทยทั่วไป”ไปดูมาหรือยัง” คนไหนตกกระแสยังไม่ได้ไปสัมผัสหนังเรื่องนี้ มักมีประโยคคลาสสิคสำทับตามมาว่า
“รีบไป............ให้เร็ว”
ผมเองตกกระแสอยู่ถึง 2 อาทิตย์ เพราะไม่อยากเบียดคนเข้าไปดู ไปดูหนังฟอร์มยักษ์ ที่คนดูยัดเยียดกันเต็มโรง โอกาสที่จะเจอกับความรู้สึก”มีเม็ดกรวดอยู่รองเท้า”สูงอย่างยิ่ง เช่นเสียงโทรศัพท์ดังกังวาน ตอนหนังเข้าช่วงไคลแม็กซ์ หรือ มี”กูรู”ผู้รู้หนังเรื่องนี้เป็นอย่างดียิ่ง พากษ์ประกอบอยู่ข้างหู(รู้ทุกอย่าง ยกเว้นมารยาทของตัวเอง) หรือไม่ก็”น้องขี้สงสัย”ถามคนข้างๆมันทุกตอน จนอยากให้ไปซื้อหนังสืออ่านดีกว่าเข้ามาดูหนัง เผื่อจะเข้าใจเนื้อหาได้กระจ่างขึ้น
ดีเดย์วันพฤหัสฯที่ผ่าน กระชากตัวเองไปเดินอยู่หน้าเมเจอร์ เหลือบมองยอดคนดูซึ่งมีไม่ค่อยมาก เนื่องจากเข้าโรงฉายมานาน ประมาณว่าดูกันทั้งเมืองแล้ว ยกเว้นพวก”ตกหล่น”ที่มาวันนี้
แอร์เย็นฉ่ำ แต่ขนลุกตั้งแต่ฟังเพลง”สรรเสริญพระบารมี” ภาพได้ เสียงได้ อารมณ์รักชาติพร้อม แอ๊คชั่น หนังฉายเปิดโรง.......
ไม่ถึง 5 นาที ขณะที่อารมณ์กำลังดื่มด่ำกับอรรถรสของหนัง ก็สะดุดตอจังเบ้อเร่อ
มันมาแล้วครับ มันมาแล้ว อาการรำคาญแบบ”มีก้อนกรวดในรองเท้า”เข้ามาเยือนผม แบบไม่ให้ตั้งตัวมาก่อน คุณเจ๊นั่งข้างๆ เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ในกระเป๋า ผมเหลือบตามอง พยายามมองโลกในแง่ดี เพราะหนังเรื่อง”ธีม”ของเรื่องเน้น”รู้รักสามัคคี”
คงรีบ......เลยลืมปิดมือถือ Positive thinking ครับ Positive thinking
ยังครับ ยังไม่พอ พระเจ้าลงโทษต่อเนื่อง ผมต้องโดนไปอีกดอกหนึ่ง เจ๊ค่อยๆล้วงหาโทรศัพท์จากระเป๋าถือ ก่อนสร้างวีรกรรมด้วยการกดปุ่มรับมือถือพร้อมกระซิบด้วยประโยคคลาสสิคที่ว่า
“กำลังดูหนังอยู่.......มีอะไรเหรอ”
สองอาทิตย์ที่ต้องอดทน ยอม”ตกกระแส”นาทีนี้เหมือนมีคนจับเอาไปโยนในโถส้วมแล้วกดชักโครกอย่างแรง สุดท้ายก็ต้องยอม”ทำใจ”ร้องเพลง”สามัคคีชุมนุม”ให้กับตัวเอง เพื่อดึงอารมณ์กลับเข้าไปในหนังอีกครั้ง
เชื่อหรือไม่ครับ ขณะที่อารมณ์กำลังย้อนรอยกลับมาเป็นปรกติ นรกเปิดอ้าแขนให้ผมอีกหน เสียงโทรศัพท์จากคุณยาย 2 คนที่นั่งอยู่แถวหน้าดังขึ้น เหมือนหนังม้วนเดิมแล้วรีเพลย์ซ้ำ คุณยายกดปุ่มรับโทรศัพท์พร้อมหล่นประโยคคลาสสิคประโยคเดิม
“มีอารายยยยยยยยย กำลังดูหนังอยู่...”
ผมเหลือบตามองไปที่คุณเจ๊ ที่นั่งข้างๆพร้อมความคิดสะใจที่ผุดขึ้นมาในหัวว่า
“เหนืออาเจ๊ ยังมีคุณยาย.....”(แฮ่ม)
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น