พึ่งกลับจากกรุงเทพมาครับ หลังจากติดสอยห้อยตามคุณพี่พงษ์ศักดิ์ ทักษิณสุข นายกสมาคมนักเรียนเก่าปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัย ในฐานะ”รุ่นน้องโรงเรียน”เพื่อร่วมงานระดมทุนเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีพระราชทานนามโรงเรียนปรินส์ฯ
ครั้งแรกพอรู้ว่าจะเดินทางเข้าบางกอก เด็กภูธรอย่างเราๆต้องมีการเตรียมตัวครับ ประเภทคว้าเป้กระโดดขึ้นรถแบบเมื่อก่อน มาถึงตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว เนื่องอายุตอนนี้ที่วัยรุ่นกำลังสับสนว่าจะเรียกว่า”พี่”หรือว่า”อา”
แต่คนไหนเรียก”อา”ผมมักจะไม่ค่อยสนทนาปราศรัยด้วยนัก เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่จัดอยู่ในข่าย”มองโลกในแง่ร้าย”
ช่วงการเตรียมตัว วางแผนต้องเริ่มตั้งแต่ พักที่ไหน ตกเย็นสังสรรค์ที่ใด และที่สำคัญ”เพื่อน”คนไหนยืมตังค์ได้บ้าง ข้อสุดท้ายนี่ขาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะถือเป็น”ตัวช่วย”ที่ทรงคุณค่ามากที่สุด”
โดนโชคหล่นดังโครม หลังเปิดปฎิทินดูแล้วเวลาที่ไปถึงพอเหมาะพอเจาะกับงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
ในนามของคนที่ปฎิญานตนตั้งแต่เด็กว่า อนาคตฝันใฝ่อยากเป็น”หนอนหนังสือ” แต่ตอนนี้ยังทำไม่สำเร็จซักที พอโอกาสทองแบบนี้หล่นวูบมาถ้าพลาด ถือว่า”ไม่ให้เกียรติตัวเอง”
ในที่สุดก็พาร่างมายืนสะพายเป้อยู่หน้างานจนได้ ตอนเป็นเด็กคุณๆเคยเที่ยวงานฤดูหนาวครั้งแรกมั้ยครับ ความรู้สึกตื่นเต้นอย่างไร ความรู้สึกแบบนั้นย้ายมาเกิดกับผมตอนนี้ทันที
เหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจ ผมเดินตะลุยเดินดูหนังสือเรียกชนิดว่าทุกบูธ ทุกซุ้ม อ่านดูพลิกดู ทั้งนิยาย การ์ตูน สารคดี สารพัดสารเพ ที่ยกเว้นอย่างเดียวที่ค่อยๆเดินเลี่ยงผ่านไป คือซุ้มหนังสือพระ แฮ่ม....เข้าไม่ค่อยถึงครับ
2 ชั่วโมงผ่านไปพร้อมกับขาที่เริ่มอ่อนล้า แต่หนทางยังยาวอีกไกล เพราะตระเวนดูได้แค่ 1 ใน 3 ของงานเท่านั้น หัวใจที่มุ่งมั่นอยากเป็น”หนอนหนังสือ”เริ่มสั่นคลอน เริ่มมองเห็นสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า”จุดมุ่งหมาย”กับ”ร่างกาย”บางครั้งมันทำมุมตรงข้ามซึ่งกันและกัน
นั่งพักเหนื่อยมองดูบรรยากาศโดยรอบ เห็นน้องๆตัวเล็กๆตั้งแต่ 10 ขวบจนถึงวัยรุ่นเดินกันเต็มงานไปหมด ก็เริ่มชื่นใจ ใครจะว่าเด็กไทยสมัยนี้อ่านหนังสือน้อยมากจนน่าตกใจ แต่อย่างน้อยก็มีอีกลุ่มใหญ่ๆที่ยังมีนิสัยรักการอ่านอยู่
ผมชี้อย่างหนึ่งว่า ความจริงที่รัฐบาลไปสำรวจมา แล้วประกาศโครมๆๆๆๆว่าเด็กไปไม่สนใจอ่านหนังสือ มัวแต่ไปเล่นเกมส์บ้าง จับกลุ่มมั่วสุมกันบ้าง ผมว่าท่านเสนาบดีทั้งหลายลองก้มหน้ามามองความจริงอย่างหนึ่งที่ว่าหนังสือที่วางแผงขายตอนนี้แต่ละเล่ม”แพงอิ๊บอ๋าย”
เล่มบางเล่มบางประมาณเอานิ้วคีบ ปาเข้าไปเล่มละร้อยกว่าบาท เพราะต้นทุนมันสูง ไหนจะค่ากระดาษที่แพงขึ้นๆไม่มีวันยุบ ค่าลิขสิทธิ์ ค่าโน่น ค่านี่ จิปาถะ ถ้ารัฐอยากสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กไทย ลองทำง่ายๆคือส่งเสริมให้หนังสือไทยมีต้นทุนถูกลงแค่นั้นละครับ
รับรอง”หนอนหนังสือ”เต็มเมืองในไม่กี่ปีหรอก
ผมเดินดูอยู่ 2 ชั่วโมงครึ่ง เลือกแล้วเลือกอีก เพราะราคาแต่ละเล่มสวนทางกับ”มนุษย์เงินเดือน”อย่างผม
หลังจากผ่านกระบวนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายแล้ว เหลือมาวางเช็คบิลแค่ 6 เล่ม จ่ายแบ๊งค์พันบาทไป ได้ทอนกลับมา 100 กว่าบาท
ความฝันที่จะได้เป็น”หนอนหนังสือ”ของผมเลยต้องเลือนรางต่อไปอีก...แบบไม่มีกำหนด
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น