วันเสาร์ที่ผ่านมา บรรดาแกนนำกลุ่ม นปช.คงจะมีความสุข เพราะเหลียวซ้าย มองขวา ก็เห็นแต่คนใส่เสื้อแดงกันทั่วบ้าน ทั่วเมือง ความฝันที่กลุ่ม นปช.ประกาศก้องว่า จะพัฒนาจนถึงขั้น”แดงทั้งแผ่นดิน” เริ่มมีร่องรอยความสำเร็จให้เห็น เพียงแต่ว่าต้องไปบอกให้ฟีฟ่า จัด”วันแดงเดือด”ระหว่างคู่อริตลอดกาลแมนยูฯ กับลิเวอร์พูล ซึ่งมีสีสัญลักษณ์ประจำทีมคือสีแดง ทุกวันเสาร์ รับรองว่างานนี้เสื้อเหลือง..มีเหนื่อย แน่นอน
หลายคนโดยเฉพาะแฟนบอลชาวไทยทั้งหลาย ต่างพากันสงสัยว่า ในประเทศไทย แมนยูฯกับลิเวอร์พูล ใครมีแฟนบอลมากกว่ากัน ถ้าเอาแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมมานั่งถกกัน รับรองว่า 3 วัน 3คืน ยังไม่มีข้อสรุป
ถ้าจะให้เปรียบเทียบอาจจะได้สเกล คร่าวๆว่า ถ้ามีคน 10 คน จะเป็นแฟน”หงส์แดง” ลิเวอร์พูลอยู่ 4 คนครึ่ง เป็นแฟน”ผีแดง” แมนยูฯ อีก 4 คนครึ่ง
ที่เหลืออีก 1 คนกระจัด กระจายไปเชียร์ทีมอื่นๆไม่ว่าจะเป็นอาร์เซนอล เซลซี หรือนิวคาสเซิ่ล
ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า เวลาคู่นี้มาเจอกันเมื่อไหร่ กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ทันที โต๊ะสนทนาสำหรับบรรดาขาบอลทั้งหลาย หัวข้อสนทนาจึงหลบไม่พ้น บทสนทนาประเภท เกทับ บลัฟแหลก กันตลอดเวลาระหว่างกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย
เสื้อ หมวก ผ้าพันคอใส่มาให้ครบ....ถ้าแพ้แล้วอย่าหลบหน้าหนีไปไหน
ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่จะต้อง”วัดดวง” ถ้าทีมรักพลาดพลั้งเมื่อไหร่ รับรองว่าเหมือนมี”น้ำกรด”ราดเข้ามาใน 2 รูหู ความรุนแรงอยู่ในระดับ”น้ำตก” ให้อับอายประชาชนและบุคลทั่วไป
ก่อนแข่งรับรองว่า สาวกหงส์แดงทั้งหลาย ออกอาการ”ปากกล้า ขาสั่น” ปากตะโกนบอกไม่เคยกลัว แต่ในใจบอกว่าตูขอเสมอได้ 1 แต้มก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว เพราะนัดนี้ต้องนั่งรถไปเยือนที่โอล์ด แทรฟอร์ต ของแมนยูฯ ถือเป็นของยากของทุกทีม
เริ่มเกมได้เพียง 20 กว่านาที หนังม้วนเดิมเหมือนจะฉายซ้ำ เมื่อ”ผีแดง” ได้จุดโทษ ยิงนำไปก่อน 1-0 สาวกหงส์แดงนั่งเงียบ อมสากกันถ้วนหน้า เริ่มนึกถึงชะตากรรมของตัวเองเวลาเวลาหมด จะโชกเลือดขนาดไหน แต่มั่นใจว่า”ศพไม่สวย”แน่นอน
ใครจะนึกว่า คนเขียนบทละครเรื่องนี้จะชอบ”หักมุข” คล้อยหลังไม่กี่นาที ตอร์เรส ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปอยู่บนแท่น”เทพ” ของแฟนลิเวอร์พูล จะโชว์เหนือชั้น ฉกบอลไปยิงตีเสมอให้กับหงส์แดง ได้สำเร็จ
บทละครเปลี่ยนโฉม” สาก”กลายเป็น”สเตอริโอ “ ประตูที่ 1 ได้ปุ๊บ ไหลมาเป็นประตูที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ทำเอาสาวกหงส์ต้องหยิกเนื้อว่า ตูฝันไปหรือเปล่า เพราะมาเล่นในถิ่นคู่อริ แต่ไฉนยิงกระจุย เหมือนเล่นกันทีมถ้วย ก.
กรรมการเป่าหมดเวลา พร้อมกับเสียงสาวกหงส์ ที่กระเหนะกระเหน ว่า”พอแล้ว พอแล้ว” ออกแนวสงสารคู่อริเจ้าถิ่น เพราะสภาพตอนนั้นเหมือน”ศพไร้ญาติ แถมยังโดนรถบดทับซ้ำอีกที” ต้องใส่โลงชันสูตร หลายทีกว่าจะระบุสัญชาติได้
สกอร์พ่าย 1-4 กับลิเวอร์พูล ถือว่า”แผลในใจ”ของนักเตะผีแดงทุกคน เพราะล่าสุดที่เคยพ่ายถึง 4 ลูกในถิ่นของตัวเอง ต้องนับถอยหลังไปถึง 73 ปี แถมปีนี้แพ้คู่อริทั้งไปและกลับ
วันจันทร์ที่ผ่านมาผมเดินผิวปากเข้าออฟฟิต อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ต่างกับน้องๆบางคนที่ก้มหน้า ก้มตา เสียงพูดพึมพัม ฟังไม่ได้สรรพ เนื่องจากเป็นโรค”ขาดความมั่นใจ อย่างแรง” หมอ วินิจฉัยว่าโรคนี้จะโดนประชด ประชันไปจนถึงหมดฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน
ข่าวดีสำหรับแฟนหงส์แดงทั้งหลาย ที่ชื่นชอบฟังเพลง หลังจากคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีเพลงฮิตติดชาร์ต ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย ชื่อเพลง สี่-หนึ่ง ขับร้องโดย โรนัลโด อัลบั้ม มนต์รักพรีเมียร์ลีก
ผมไปฟังมาแล้ว ขอบอกว่าเพลงนี้ เพราะมาก...ถึงมากที่สุด อยากฟังลองเคาะไปเสาะหาในกูเกิ้ล ได้นะครับ โดยเฉพาะเด็กหงส์ทั้งหลายพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง... สวัสดี
กุนซือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น