เกาะปีกแอร์เอเชีย...
ตะลุย”มาเก๊า”
วันที่ 22 พฤษภาคม
ที่ผ่านมา แอร์เอเซียเขาได้เวลาดีเดย์เปิดไฟล์ทบินเที่ยวแรกที่บินจากสนามบินเชียงใหม่ไปยังมาเก๊า
ดินแดนที่เลื่องชื่อเรื่องเสี่ยงโชค งานนี้เขาส่งเทียบเชิญมาให้ผม
เลยได้รับอานิสงส์บินตรงไปเมืองคาสิโนในฐานะผู้โดยสารชุดแรก
สำหรับคนเหนือที่อยากไปเที่ยวมาเก๊าหรือฮ่องกง
จากนี้ไปคงสะดวกสบายมากขึ้นเพราะไม่ต้องเดินทางไปนับหนึ่งที่กรุงเทพอีกต่อไป เริ่มต้นสตาร์ทที่เชียงใหม่ก็ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนกัน
แอร์เอเชียบินไปมาเก๊าวันละ
1 เที่ยวบิน เครื่องเริ่มเทค-ออฟ จากสนามบินเชียงใหม่เวลา 16.15
น.ใช้เวลาบินประมาณ สองชั่วโมงสี่สิบนาทีก็ แลนดิ้งลงสนามบินมาเก๊า ส่วนคนที่อยาก “ทูอินวัน”อยากเที่ยวทั้งมาเก๊าและฮ่องกง
ก็ไม่ยุ่งยากเพราะมาเก๊ากับฮ่องกงนั้นระยะห่างกัน 50
กว่ากิโลเมตรเท่านั้น สามารถซื้อตั๋วเรือนั่งเรือข้ามไปแบบสบาย
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเรือก็เทียบท่าเกาะฮ่องกง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าจะมาเที่ยวมาเก๊าและฮ่องกง
ควรจะเลือกแลกเงินสกุลไหนมาใช้ ต้องเล่าขานว่าเงินสกุลของฮ่องกงนั้นคือฮ่องกงดอลล่าร์
ส่วนมาเก๊านั้นใช้เงินสกุลปาคากาส์
โดยอัตราแลกเปลี่ยนของทั้งสองสกุลนั้นใกล้เคียงกันครับ หนึ่งเหรียญฮ่องกงก็แลกได้หนึ่งปาคากาส์ สำหรับนักเที่ยวชาวไทยทั้งหลายขอแนะนำให้แลกเป็นดอลล่าร์ฮ่องกงครับ
เพราะสามารถใช้ได้ได้ที่มาเก๊าและฮ่องกง
คนมาเก๊าเองก็ดูแฮปปิ้เวลาเราจ่ายเป็นเงินฮ่องกง
แต่ในขณะเดียวกันเงินปาคากาส์ของมาเก๊า ไม่สามารถนำไปใช้ในฮ่องกงได้ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าคุณอยู่ในมาเก๊าถ้าซื้อของ
แม้แต่ร้านขายของชำ ถ้าจ่ายเงินเป็นเงินฮ่องกงเค้าก็จะทอนเป็นเงินฮ่องกงได้ครับ
มาเก๊า นั้นตั้งอยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง
มีเนื้อที่ทั้งหมดแค่ 29.2 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าอำเภอเมือง
ของเชียงใหม่ถึง 5 เท่า ประชากรก็มีแค่ 550,000 คน ในขณะที่เชียงใหม่มีผู้คนอาศัยอยู่ถึง
1,646,144 คน เกาะมาเก๊าประกอบด้วยคาบสมุทรมาเก๊าที่ติดอยู่กับจีนแผ่นดินใหญ่
,เกาะไทปา,เกาะโคโลอาน และเกาะโคไท การเดินทางระหว่างเกาะต่างๆจะเชื่อมด้วยสะพานเป็นหลัก
ตอนนี้รัฐบาลจีนมีโครงการอภิมหาโครงการยักษ์
คือกำลังจะสร้างสะพานเชื่อมระหว่างฮ่องกงกับมาเก๊า
โดยสะพานวิ่งผ่านทะเลจากทั้งสองเกาะ ความยาวประมาณ 50 กิโลเมตร
แถมสะพานที่ใกล้ๆจะถึงมาเก๊าจะมีช่องทางแยกเข้าเมืองจูไห่ ของเมืองจีน
คาดการณ์ว่าประมาณปี 2016 นักท่องเที่ยวทั้งหลายอาจจะมีทางเลือกโดยการนั่งรถข้ามไปยังเกาะฮ่องกงแทนการนั่งเรือเฟอรรี่
เหมือนในอดีต
วันแรกของคณะทัวร์สื่อมวลชนเริ่มต้นที่วัดอาม่า
วัดที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดของเกาะมาเก๊า ตามตำนานเล่าว่า”อาม่า”มีพระนามเดิมว่า”หลิงม่า”หญิงสาวชาวฟูเจี้ยน
ที่วันหนึ่งเธอต้องการข้ามฝั่งมายังคาบสมุทรดอกลิลลี่ขา วจึงขอโดยสารมากับเรือประมงชราคนหนึ่งซึ่งเป็นเรือลำเล็กๆที่ยอมให้เธอโดยสารข้ามฟาก
ในขณะที่เรือลำอื่นๆปฏิเสธ ในระหว่างที่เรือล่องอยู่กลางทะเล
เกิดพายุพัดขึ้นมาอย่างรุนแรงทำให้เรือหลายลำต้องอับปาง
แต่เกิดปาฏิหาริย์เรือที่เธอนั่งมาด้วยเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย ทันทีหลิงม่า ก้าวขึ้นฝั่ง
เธอก็ลอยขึ้นฟ้าแล้วลอยลับหายไป ชาวประมงจึงเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล
นับตั้งแต่นั้นมาดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการขนานนามว่า”อ่าวของอาม่า”หรือ”อา-หม่า-เกา”
ต่อมาก็พูดเสียงเพี้ยนกันกลายเป็น”มาเก๊า”ในปัจจุบัน
คนไทยที่มานมัสการ”อาม่า”ที่วัดค่อนข้างเยอะครับ
เดินกันแบบไหล่ชนไหล่กันเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะมาขอพร และโชคลาภ ก็ของแน่อย่างหนึ่งคือมาเก๊าได้ชื่อว่าเป็นลาสเวกัสแห่งเอเซีย
แดนแห่งการพนันแห่งนี้ ผู้คนที่เดินทางมาเสี่ยงโชค
ก็ต้องหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถิ่นเพื่อขอให้ตัวเองโชคดีกันเป็นแถว
สำหรับคนที่เชื่อเรืองโชค
เรื่องดวง เขาบอกว่าเวลาเดินผ่านประตูวัดในแต่ละชั้น
ถ้าเป็นผู้ชายให้ก้าวเท้าซ้ายเข้าไปก่อน ส่วนผู้หญิงก็ให้ก้าวเท้าขวา เพราเชื่อว่าเป็นการเดินขึ้นส่สวรรค์
ข้อดีอย่างหนึ่งที่สัมผัสได้คือ
ทางรัฐบาลของมาเก๊า เค้าจะให้บริการอินเตอร์เน็ต wi-fi ฟรีตามสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ
โดยใช้ชื่อว่า” wi-fi go” คงเข้าใจว่าโลกของคนยุคใหม่ต้องอัพโหลดรูปภาพ
ข้อมูล ข่าวสารให้ทันใจ มาเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแล้วก็ยืมดาบบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายนี่แหละครับ
ที่ชอบถ่ายรูป ถ่ายวิว แล้วโพสตาม โชเชียล มีเดีย
ทั้งหลายเป็นตัวช่วยเผยแพร่การท่องเที่ยวของมาเก๊าแบบง่ายๆ
เรื่องนี้ผมว่า
ททท.เมืองไทยน่าจะเดินตาม เพราะเท่าที่สอบถามบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายต่างถูกอก
ถูกใจกันเป็นทิวแถว ใช้เงินไม่มากแต่ผลลัพท์คุ้มค่าครับ
แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของมาเก๊าคือ”มาเก๊าทาวเวอร์”
ซึ่งเป็นหอคอยที่มีความสูงเป็นอันดับ 8 ของเอเซียและสูงเป็นอันดับ 10
ของโลกมีความสูงทั้งสิ้น 338 เมตรเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2001โดยข้างในมีทั้งศูนย์การค้า
ห้องจัดประชุม ภัตตาคาร โรงภาพยนตร์ฯลฯ สำหรับคนที่ชอบกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีน
เขาก็มีกิจกรรมให้ท้าทายไม่ว่าจะเป็นการเดินชมวิวภายนอกทาวเวอร์ที่มีความสูง 233 เมตร หรือจะกระโดดบันจี้
จัมพ์ ก็เลือกใช้บริการได้ตามอัธยาศัย
มาถึงย่านช๊อปปิ้งชื่อดังที่สุดของมาเก๊า
ที่นักเที่ยวหญิงของไทยร่ำร้องอยากมาที่สุดคือ”เซนาโด สแควร์”
“เซนาโด สแควร์”นั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ในบริเวณนี้จะมีตึกที่ถูกสร้างตามสไตล์ยุโรป
สวยงามมาก พื้นปูด้วยกระเบื้องลวดลายขาวสลับดำเป็นรูปคลื่น รอบๆบริเวณนี้จะมีร้านาแบรนด์เนมให้เลือกซื้อสินค้ากันอย่างมากมาย
โดยแต่ละร้านตกแต่งอย่างสวยงามล่อใจขาช๊อปปิ้งทั้งหลายให้เข้าไปเลือกชม
“เซนาโด สแควร์”และพื้นที่ใกล้เคียงนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง
และหลายแห่งก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว แต่สถานที่คนไทยคุ้นตามากที่สุดก็คือซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล
ที่ใครมามาเก๊าก็ต้องมาแอ๊คชั่นถ่ายรูปตรงนี้ ไม่งั้นถือว่ายังมาไม่ถึงมาเก๊า
ถ้ามาถ่ายรูปที่ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลแล้ว
พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงคือต้อง หาซื้อ”ทาร์ไข่”ซึ่งเป็นขนมชื่อดังของมาเกามาลิ้มชิมรส
ร้านดังต้นตำรับก็ตั้งอยู่แถวบันไดทางขึ้นโบสถ์เซนต์ปอล นั้นแหละครับ
แถมยังมีหมูแผ่นให้ซื้อติดไม้ติดมือมาฝากคนทางบ้านได้อีกต่างหาก
แต่ไกด์ของคณะแอบแนะนำว่า ลองซื้อปลาเค็มกับกะปิ ของมาเก๊ากลับไปฝากเพื่อนฝูง
รับรองว่าอร่อยแบบไม่รู้ลืม เพราะวัสดุทำมาอย่างดี อร่อยนักอร่อยหนา
เป็นที่เลื่องลือของนักท่องเที่ยวในช่วงหลังที่เริ่มหันซื้อปลาเค็มกับกะปิ
กลับเมืองไทยกันมากขึ้นเรื่อยๆ
การเดินทางในมาเก๊าค่อนข้างสะดวกครับ
เนื่องจากรถราไม่ติดเหมือนกับบ้านเรา เชื่อมั้ยครับถ้าถนนเส้นไหนรถติดเกินห้านาที
คนมาเก๊าจะเริ่มโวยวายแล้ว เพราะถือว่ารถติดนานเกินไป
สาเหตุหนึ่งคือการซื้อรถส่วนบุคคลใช้ที่มาเก๋าค่อนข้างจะลำบากซักหน่อย
รถคันหนึ่งราคาก็ไม่สูงมากนัก แต่ที่เหนื่อยที่สุดคือกฎหมายกำหนดว่าก่อนซื้อรถทุกครั้ง
คุณต้องไปหาที่จอดรถให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยมาคิดว่าจะซื้อรถยี่ห้ออะไร
เนื่องจากพื้นที่มีน้อย ดังนั้นที่จอดรถราคาก็แพงเหมือนทองคำ ที่จอดรถคันหนึ่งราคาประมาณล้านกว่าบาท
ดังนั้นคนที่จะมีรถขับได้ในมาเก๊าก็ต้องถือว่ามีสตุ้งสตางค์พอสมควร บางส่วนก็หันไปใช้มอเตอร์ไซต์
สนนราคาคันหนึ่งก็ราคาไม่ใช่น้อยอยู่ในระดับคันละแสนกว่าบาท
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆ
สามารถใช้รถของบรรดาคาสิโนทั้งหลายที่วิ่งให้บริการฟรีระหว่างคาสิโนต่างๆครับ
เป็น”ชาร์เตอร์ บัส”แต่ต้องศึกษาหน่อยว่าจะเดินทางไปไหน แล้วอยู่ใกล้คาสิโนที่ใด
ก็สามารถเลือกนั่งได้ตามชอบใจ ไม่ต้องเสียตังค์ โดยรถชาร์เตอร์ บัส
ที่วิ่งระหว่างคาสิโนที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันใช้เวลารอประมาณ 10-20 นาที
สมัยก่อนเวลาคนมาเที่ยวมาเก๊า
เป้าหมายหลักคือต้องไปสัมผัส”เซนาโด สแควร์”เพราะได้ทั้งช๊อปปิ้งและเที่ยวชมมรดกโลก
แต่ตอนนี้ค่านิยมเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้คนส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามายังมาเก๊า
ต่างตั้งเข็มทิศมุ่งไปสถานที่แห่งหนึ่งที่ว่ากันว่า..พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
“คาสิโน เดอะ
เวเนเชี่ยน (the vanetine macau
resort)” บ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
“เวเนเชี่ยน”
นั้นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ถือเป็นเอ็นเตอร์เทรนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ที่เร้าใจที่สุดในเอเชีย
มีห้องพักสวีตรวมกันถึง 3,000 ห้องแต่ละห้องมีเนื้อที่กว้าง 70 ตารางเมตร
ราคาห้องเฉลี่ยแล้วประมาณคืนละหกพันกว่าบาท
ในส่วนของคาสิโนนั้น
“เวเนเชี่ยน”ถือว่ามีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีตู้สล๊อตแมชชีน
หรือที่คนไทยมักเรียกว่า”โจรแขนเดียว”ถึง 1 พันตู้ และโต๊ะเล่นพนันมากกว่า 600 โต๊ะ
เปิดบริการให้นักเสี่ยงโชคตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของคาสิโนนั้นเป็นห้องโถงโปร่งสูง
2 ชั้น ใหญ่โต โอ่โถง ดังนั้นจากชั้นหนึ่งก็ข้ามไปเป็นชั้นสามโดยไม่มีชั้นสอง
ใช้บันไดเลื่อนเป็นตัวรับส่งผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ
ในส่วนชั้นสามนั้นจะเป็นส่วนของ The Grand Canal ซึ่งจะเป็นส่วนของร้านค้า
แบรนด์ชั้นนำให้ช๊อปปิ้งกว่า 350 ร้าน
และชั้นนี้เองที่ขึ้นชื่อคือเขาจำลองเมืองเวนืช
ของอิตาลีมาไว้อย่างสวยสดงดงาม
เวลาเดินเล่นในชั้นนี้อาจจะหลงเคลิ้มว่ากำลังท่องไปในแดนมักโรนี แถมยังสร้างคลองขึ้น
ส่วนเพดานก็ออกแบบเหมือนท้องฟ้าจำลอง
เวลาเราเดินไปเรื่อยๆจะเหมือนกับเมฆเคลื่อนที่ได้ ทำให้คนที่อยู่ใน“เวเนเชี่ยน”
รู้สึกว่าบรรยากาศน่าเดิน และสัมผัสธรรมชาติที่ดูเหมือนเสมือนจริง
นอกจากนั้น “เวเนเชี่ยน”
ยังได้สร้างคลองจำลองขึ้นมาในชั้นนี้ด้วย เพื่อที่จะเปิดให้บริการพายเรือกอนโดล่า
ที่จะพาผู้นั่งเรือล่องในลำนำชมรอบๆเมืองเวนิชจำลองแห่งนี้ พร้อมทั้งสัมผัสกับเสียงขับกล่อมด้วยเสียงเพลงจากฝีพายระดับนักร้องโอเปร่า
สมัยแรกๆเขานำฝีพายกอนโดล่าที่มีชื่อเสียงจากเมืองเวนิช สั่งนำเข้ามาขับขานและพายเรือบริการให้กับนักท่องเที่ยว
แต่ตอนนี้ฝีพายทั้งหลายเริ่มแปลงร่างกลายเป็นคนฟิลิปปินส์ซะส่วนใหญ่
เพราะถ้าพูดถึงพรสวรรค์สำหรับเรื่องร้องรำ ทำเพลง ชาวตากาล๊อก
ไม่เคยเป็นสองรองใครเหมือนกัน แถมค่าตัวยังถูกกว่าต้นตำรับอีกอักโข
สำหรับสนนราคาถ้าอยากนั่งเรือกอนโดล่าดูซักครั้ง
ผู้ใหญ่ประมาณ 500 บาท ส่วนเด็กราคา 370 บาท ใช้เวลาล่องประมาณสิบนาที ก็ถือว่าถ้ามา“เวเนเชี่ยน”แล้ว
ก็ต้องลองลงเรือนั่งดู เผื่อจะไปคุยโม้ได้เต็มปากว่าฉันมาถึงแล้วจริงๆ
ตอนนี้มาเก๊ากำลังสร้างเมืองใหม่
เพิ่มเติมขึ้นอีก
โดยเมืองใหม่แห่งนี้จะเน้นเป็นพื้นที่สำหรับการศึกษาเพราะว่าอยากจะแยกบรรดาเยาวชนทั้งหลายให้ห่างๆจากบรรดาคาสิโน
เลยไปสร้างเมืองมหาวิทยาลัยแยกออกไปอีกต่างหาก เยาวชนทั้งหลายจะได้ไม่ต้องหลงเสียง
สี เสียง คาดว่าไม่นานเมืองนี้คงจะอวดโฉมเป็นหน้าเป็นตาให้กับมาเก๊าอีกครั้ง
เพราะพูดเรื่องการก่อสร้างแล้วต้องยกนิ้วซูฮกให้กับเมืองจีนครับ
เขาสร้างกันรวดเร็วจนเหลือเชื่อ
ตอนที่โครงการ“เวเนเชี่ยน”คลอดออกมา
มีเป้าหลักว่าจะต้องสร้างเสร็จภายในสองปี วิศวกร สถาปนิคทั่วโลกต่างประสานเสียงว่า
ด้วยความใหญ่โตขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะสร้างเสร็จได้ สำนักข่าวรวมถึงค่ายของสารคดีชื่อดังของโลกต่างพากันมาเกาะติดตั้งแต่เริ่มขุด
วางเสาเข็ม สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าโครงการที่ว่ากันว่าไม่มีทางทำสำเร็จได้ในเวลาสองปี
สามารถเปิดตัวได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่เบื้องหลังนั้นก็สร้างกันจนถึงวินาทีสุดท้าย
ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนงานเปิดตัวเพียงไม่กี่นาที
ถือเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก
มีคนบอกว่าถ้าเมืองจีนเป็นพี่ใหญ่ มีน้องอยู่ 3
คน
มาเก๊าเป็นน้องคนเล็กที่กระโดดเข้ามาซบอกพี่ใหญ่อย่างจีนก่อนใครเพื่อน ต่อมาน้องกลางอย่างฮ่องกง ค่อยๆเขยิบเข้ามาญาติดีกับพี่คนโตเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แต่ขณะที่น้องรองอย่างใต้หวัน ยังกระฟัดกระเฟียดทะเลาะกับพี่ใหญ่ไม่ยอมเลิก
แต่เมื่อตอนนี้พี่ใหญ่ นั้นกลายเป็นพี่เบิ้มของโลก
คนจีนสมัยนี้เป็น”เศรษฐีใหม่”กันถ้วนหน้า เงินทองใช้จ่ายกันอย่างสะพัด
น้องเล็กที่มาเก๊าที่พี่ใหญ่เอ็นดูมาโดยตลอดก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย
ว่ากันว่าเป้าหมายข้างหน้ามาเก๊าไม่ได้หวังอะไรมากมายขอแค่.....
ผลักอก”ลาสเวกัส”ให้ถอยออกไป แล้วหยิบชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของการพนันมาไว้ในแผ่นดิน....เท่านั้นเอง!
กุนซือ