วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

Social Network แบบไทยๆ





ขึ้นชื่อว่าโลกออนไลน์ ตอนนี้กลายเป็๋นสีงคมที่ใหญ่มากของโลกรวมถึงเมืองไทย  และยังเป็นสังคมที่ส่งผลลต่อชีวิตเราๆท่านๆไปแล้ว เพราะคนไทยส่วนใหญ่หันไปใช้ชีวิตในสังคมออนไลน์ มากกว่าสังที่แท้จริง แต่ละคนก้มหน้า ก้มตา เล่นแต่มือถือ ไม่มีการสนทนาระหว่างกันเหมือนในอดีต
เพื่อนผมบางคนนั่งโต๊ะตรงข้ามกันแท้ๆ ยังไม่คุยกัน แต่ดันแชดกันหน้าตาเฉย หรือว่ากลัวเหนื่อยเวลาพูด  จนผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายเริ่มส่งเสียงเป็นห่วง กลัวเยาวชนไทยในอนาคตจะ...
         สายตาเสีย และเป็นใบ้กันทั้งประเทศ
เรื่องนี้ฟันธงได้เลยครับว่าสังคมก้มหน้าในปัจจุบันส่งผลร้ายต่อเราๆท่านๆแน่นอน  เพราะในอนาคตเราจะไม่หันหน้าคุยกัน แต่ดันจะเชื่อข้อมูลจากสังคมออนไลน์ ยิ่งเดี๋ยวนี้ข้อมูลมั่วๆ การสร้างข่าวเท็จ สร้างกระแส มีให้เห็นกลาดเกลื่อนในสังคมออนไลน์  รับข่าวสารกันผิดๆถูกๆ แล้วก้อแชร์กันไป
        จนบางครั้งสังคมสับสน มีการกล่าวประณามกันผ่านโลกออนไลน์ ทั้งๆที่ไม่ใช้เรื่องจริง
ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเองไม่ค่อยได้เขียนหนังสือเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ใช้พิมพ์งานจากคอมพิวเตอร์เป็นหลัก นานๆเข้าก็เลยไม่ค่อยหยิบปากกาขีดเขียน เน้นแต่พิมพ์ในคอมพ์ หรือในมือถือ เท่านั้น
พอวันไหนจับปากกามาเขียนหนังสือ แทบจะสะบัดหน้าไม่เชื่อตัวเองว่า ลายมือเปลี่ยนไปมาก..ถึงมากที่สุด
เขียนไป ยังสงสัยไป ว่าผมไปเรียนวิชาเขียนภาษาขอมมาจากไหน  เขียนเองยังอ่านไม่รู้เรื่อง ตัวหนังสือหงิกงอเหมือนหนอนโดนขี้เถ้า ใครอ่านออกต้องขอบอกว่า..ยอดคน
นี่คือผลผวงจากการละเลยมานาน ตอนนี้พยายามแก้ไขอยู่ครับ แต่ละสัปดาห์พยายามเขียนหนังสือให้มากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่จะสายเกินแก้
       เขียนตัวหนังสือไทยแท้ๆแต่คนอ่านไปหยิบพจนานุกรมเขมรมาแปล
วกกลับมาเรื่องพฤติกรรมโชเชียล เน็ตเวิร์คในเมืองไทยกันหน่อยครับ  ผมลองไปหาข้อมูลมาปรากฏว่าปีนี้เขายังไม่ได้สำรวจตัวเลขออกมาว่า พฤติกรรมของพี่ไทยทั้งหลายเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
         เลยขอหยิบข้อมูลจากปีที่แล้วมาโชว์ประกอบให้เห็นภาพไปพลางๆก่อนก้อแล้วกันนะครับ
จากตัวเลขปีที่แล้ว ประเทศไทย ใช้ facebook มากเป็นอันดับ 9 ของโลกครับ เท่ากับประเทศเยอรมนี โดยมีจำนวนผู้ใช้มากถึง 28 ล้านราย คิดเป็น 42% ของประชากรทั้งประเทศไทย  
        ส่วนอันดับ 1 ยังเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 180 ล้านราย
การเติบโตของผู้ใช้ Social Network ในไทยนั้น ปรากฎว่า
         คนไทย ใช้ Facebook 28 ล้านราย   โตขึ้น  53%
         คนไทยใช้ Instagram 1.7 ล้านราย โตขึ้น 13%
         คนไทยใช้ twitter  4.5 ล้านราย
อ้อ..ลืมบอกไปว่า ปีที่แล้วมีจำนวนผู้ใช้ facebook ทั่วโลกทั้งสิ้น 1,251 ล้านรายนะครับ
หากเจาะไปที่ประเทศกลุ่มอาเซียน ปรากฎว่า ไทยมีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจาก ที่1 อินโดนีเซีย  และที่ 2 ฟิลิปปินส์
        ที่น่าสนใจคือประเทศพม่า
         เพราะแม้พม่ามีผู้ใช้ facebook มากเป็นอันดับ 7 ของอาเซียน แต่พม่ามีอัตราการเติบโตผู้ใช้ Facebook สูงสุดในอาเซียน โดยสูงถึง 58%
โดยรวมแล้วผู้ใช้ facebook ในประเทศในกลุ่มอาเซียนมีประมาณ 170,740,000 ราย  หากเจาะเป็นรายจังหวัด พบว่ากรุงเทพ มีอัตราการใช้งาน facebook  สูงสุด (15.4 ล้านคน )คิดเป็น 55% ของคนใช้ facebook ทั้งประเทศไทย
        ส่วนจังหวัดที่มีตัวเลขอัตราการเติบโต facebook สูง คืออยุธยา , ชัยนาท และ มหาสารคาม
ลองหันมาจับแยกเป็นเพศกันบ้างครับ  ตัวเลขเมื่อปี 2013 ผู้ชายใช้ Facebook 49.18% ส่วนผู้หญิงใช้ Facebook  50.82%
ปี 2014 ตัวเลขผู้ชาย ใช้ facebook น้อยลง ผู้หญิงใช้มากขึ้น โดยผู้หญิงใช้ประมาณ 51%
มาถึงเรื่องยอดฮิตกันบ้าน  ลองมาดูกันครับว่า ในแต่ละวัน พี่ไทยของเรานิยมโพสต์ facebook เรื่องอะไรมากที่สุด
ตัวเลขสรุปออกมาได้อย่างนี้ครับ
         คนไทยส่วนใหญ่นิยมโพสด้วย รูปภาพ 57%   เช็คอิน 33% โพสพร้อมลิงค์ 21% วีดีโอ 3% และ โพสต์สถานะเฉยๆอยู่ที่ 2%
     ส่วนช่วงเวลาที่คนนิยมทำกิจกรรมบน facebook  มากที่สุด  ( Post , Like , Share ) คือ บ่าย2โมง  รองลงมาคือช่วง 5โมงเย็น และ 10 โมง
                 หันมาดูทางด้านทวิตเตอร์บ้างครับ  ตัวเลขโชว์ออกมาว่า ช่วงเวลาที่มีคนไทยทวิตมากสุด คือช่วงเวลา 3-4 ทุ่ม  โดยคนไทยทวิต 250,000 ราย ต่อวัน จำนวนที่ทวิตสูงสุด 800,000 คน ต่อวัน ในช่วงเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ
ส่วนขาประจำที่เล่นทวิตเตอร์ จะเป็นเด็กวัยเรียน โดยเด็กชอบทวิต ส่วนผู้ใหญ่ชอบอ่าน โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุด หรือช่วงปิดเทอม จะมีปริมาณทวิตเพิ่มขึ้น
อีกอันหนึ่งที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะฮอตฮิต ในกลุ่มดารา เซเลบฯทั้งหลาย คือ Instagram
คนไทยใช้งาน Instagram เติบโตมาก ถึง 546% นับว่าเป็น social media ที่เติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ
     ที่ผ่านมา คนไทยโพสภาพขึ้น Iมnstagram มากถึง 36,443,398 ภาพ  โดยเป็นวีดีโอ มากถึง 1,370,272 วีดีโอ ที่เหลือเป็นรูปภาพกว่า 96.24%
เขาบอกว่าสาเหตุคนไทยโพสต์ภาพขึ้น Instagram มากขึ้น เพราะว่านิยมถ่าย Selfie มากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2013 แฃะช่วงเวลาที่คนทั่วไปอัพภาพขึ้น Instagram มากสุดคือ 5 ทุ่ม   ,
        ส่วนช่วงเวลาที่เหล่าดาราอัพภาพขึ้น Instagram มากสุดคือ 3 ทุ่ม และกลุ่มที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก อัพช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ใครที่ชอบเล่น Instagram  ก้อคงรู้ว่า บรรดาดาราดังทั้งชายหญิง เรียกไลค์ เรียกเรตติ้งได้กระฉูดขนาดไหน แค่โพสเพียงภาพเดียว เพราะทั้งแฟนคลับ ทั้งแอบติดตามอยู่ลับๆ จำนวนมหาศาล
      จนหลายคนหัวใสอาศัยช่องทางส่งข้อมูลสินค้าและบริการของตัวเองเข้าไปแจมในเพจด้วย หวังโฆษณาแบบเรียลไทม์ให้กับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่
        และที่สำคัญ...ไม่มีค่าใช้จ่าย
ดาราดังๆทั้งหลาย ตอนนี้เวลาจะโพสรูป โพสวิดีโอลงใน Intagram เลยกลายเป็นรูทีน ที่จะต้องติดแทค #งดฝากร้านนะคะ(ครับ) ปิดท้ายอ์ยู่ร่ำไป
เรื่องพรรค์อย่างนี้ คนไทยเราเก่งครับ เรามองเห็นช่องทางทำมาหากิน แบบไทยๆ โดยที่ฝรั่งมังค่ายังต้อง..งง ว่าหลักสูตรการตลาดแนวนี้มาจากไหน
บอกแล้วครับว่า อย่าดูถูกความคิดสร้างสรรค์ของพี่ไทยเป็นอันขาด เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ ติดแทคห้าม เดี๋ยวก้อมีแนวใหม่ ฝากแปะ ฝากโฆษณา มาให้เห็นอีกแน่ๆ
ดารา เซเลบฯทั้งหลาย ผมว่าอาจจะต้องทำใจ เปลี่ยนจากติดแทค #งดฝากร้านนะคะ กลายเป็น....
#เอาที่สบายใจแระกานนนนนนน!

กุนซือ
P_kiti@hotmail.com

ซุปเปอร์มูน











ช่วงนี้พระจันทร์กำลังมาแรงนะครับ  วันอาทิตย์ที่ผ่านมาบรรดาคนจีนทั้งหลายก็ต่างทำพิธีไหว้พระจันทร์ สืบสานประเพณีของคนแดนมังกรที่สืบทอดกันมายาวนาน
ผมเอง อิน เดอะ เนม ออฟ ลูกครึ่งไทย-จีน ก็ซึมซับประเพณีนี้มาตั้งแต่เด็ก
        ประเพณีไหว้พระจันทร์ของคนจีนเนี่ย เขาให้ผู้หญิงเป็นคนไหว้นะครับ เพราะเขาถือว่าเทพพระจันทร์นั้นเป็นผู้หญิง  ผู้ชายทั้งหลาย...ถอยไป
ตอนเด็กๆผมเป็นขาประจำนั่งเฝ้าอาม่า ทำพิธีไหว้พระจันทร์ทุกปี นั่งดูพระจันทร์ไปตามเรื่อง ตามราว หูก็ฟังอาม่าสวดมนต์เป็นภาษาจีน  ฟังไม่รู้เรื่องก็ต้องนั่งฟังเป็นเพื่อนอาม่า ออกแนวหลานรักอย่างงัย อย่างงั้น แต่จุดประสงค์หลัก  ทั้งบ้านอ่านขาดว่านั่งเป็นเพื่อนอาม่า เพราะขนมไหว้พระจันทร์เป็นหลัก
ปีนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์อาจจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะว่ามีโหรดัง เขาออกมาพูด ออกมาทำนายว่า อิสตรีใดใครที่ร้างคู่ ปีนี้ฤกษ์ดี ยามดี ถือโอกาสไหว้พระจันทร์แล้วอธิฐานขอคู่ จะสมหวัง กระโดดลงมาจากคานได้ทันที
เพราะตัวเลขที่เขาสำรวจประชากรในสยามเมืองยิ้ม ชั่วโมงนี้มีประชากรผู้หญิงมากกว่าผู้ชายกว่า 1 ล้านคน
       ดังนั้นเมื่อดีมานด์กับซัพพลาย ไม่สมดุลกัน ปัญหาคานทองจึงกระหน่ำซ้ำเติมหญิงไทยไม่หยุดยั้ง
แถมชายไทยที่มีน้อยกว่า ยังกลายเป็นชายควงชาย ไปเกือบครึ่ง  ตัวเลขเลยตกฮวบลงไปอีก คานทองเลยกลายเป็นคานเหล็ก
        อิสตรีไทยที่ยังโสดทั้งหลายเลยต้องอาศัยอิทธิฤทธิ์ของไหว้พระจันทร์เข้าช่วยเหลือครับ...งานนี้
เสร็จสรรถจากไหว้พระจันทร์วันอาทิตย์ พอก้าวเข้ามาวันจันทร์ ชาวโลกทั้งหลายก็เตรียมตัวรับกับปรากฏการณ์"ซุปเปอร์มูน" ที่พระจันทร์จะเคลื่อนเข้ามาใกล้โลก
         จนมองเห็นในระดับ"หลับตา เหมือนจะเอื้อมถึง"  อะไรทำนองนั้น
ผมเองปั่นต้นฉบับนี้เช้าวันจันทร์ เลยยังอธิบายความงามของกระต่ายในเงาจันทร์ว่าจะสวยงามได้แค่ไหน ได้แต่ดูรูปเก่าๆแล้วจินตาการตามไปก่อน
มาว่ากันเรื่องข้อมูลของซุปเปอร์มูน กันหน่อยครับ ทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เขาบอกว่าจะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงและดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์หาชมยาก
     แต่คราวนี้เมืองไทยโชคร้ายหน่อยนะครับที่ไม่สามารถเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคานี้ได้ เนื่องจากตรงกับช่วงกลางวัน  โดยปรากฏการณ์นี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนในแถบอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ มหาสมุทรแอตแลนติก ยุโรป แอฟริกา และด้านตะวันตกของเอเชีย
พอถึงช่วงกลางคืน เราๆท่านๆจะได้เห็นปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์เต็มดวงสุกสว่างใหญ่กว่าปกติ 2-3%  หรือที่เรียกกันว่า "ซูเปอร์มูน(Super moon)"  เพราะดวงจันทร์โคจรมาเข้าใกล้โลกที่สุดในรอบปีที่ระยะห่าง 356,876 กิโลเมตร
       ส่งผลให้ผู้คนบนโลกจะสามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงสีแดงอิฐที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติอีกด้วย
       วกกลับมาดูสถิติ กันหน่อยครับ สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงที่เกิดขึ้นในวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลก นับเป็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักนะครับ
       ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นเพียง 5 ครั้ง ได้แก่ ปี พ.ศ. 2453, 2471, 2489, 2507 และ 2525 และ            หากพลาดจากวันที่ 28 ก.ย.นี้ ก็จะเกิดครั้งต่อไปในปี พ.ศ. 2576
ถ้าใครอดดู ก้อต้องรอจนเหงือกบานไปอีก 18 ปีโน่นแหละครับ ถึงจะได้เห็นอีกครั้ง
งานนี้ทำอะไรไม่ได้ นอกจาก...ปูเสื่อรอ
         พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

กุนซือ
p_kiti@hotmail.com